ปชน.ซัดที่ดินเขากระโดงเป็นมหากาพย์ร่วมมือทำลายหลักนิติธรรม

'จุลพงศ์' ชี้ข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง เป็นมหากาพย์ความร่วมมือทำลายหลักนิติธรรม ตั้งข้อสังเกต ม.61 กฎหมายที่ดิน ไม่ได้ให้อำนาจ สอบสวนโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ออกโดยคลาดเคลื่อน-ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

14 พ.ย. 2567 - นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ภายหลังกรมที่ดินมีหนังสือฉบับลงวันที่ 21 ต.ค. 2567 ถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำผลประโยชน์ที่ตั้งขึ้น โดยคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินตามมาตรา 61 วรรคสองของประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งหนังสือกรมที่ดินฉบับดังกล่าว สรุปได้ว่า คณะกรรมการสอบสวนเห็นสมควรไม่เพิกถอน หรือแก้ไขหนังสือรับรองสิทธิในที่ดินจนกว่า รฟท. จะมีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติว่ากรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของ รฟท.

นายจุลพงศ์ กล่าวว่า หนังสือกรมที่ดินฉบับนี้ สร้างความฉงนแก่ผู้คนจำนวนมาก เพราะก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาเคยตัดสินไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับที่ 842-876/2560 และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2560 รวมทั้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาคสาม คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 หมายเลขแดงที่ 1112/2563 ได้วินิจฉัยสอดคล้องกันว่า ที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ยังเป็นปัญหาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. ปัญหาคือทำไมคณะกรรมการสอบสวนที่อธิบดีตั้งขึ้นชุดล่าสุด จึงมีมติดังกล่าวโดยยังไม่เชื่อว่า กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของ รฟท. ตามที่ศาลฎีกาพิพากษาไว้

นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า เมื่อดูเนื้อความในวรรคแรกและวรรคสองของมาตรา 61 ของประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติว่า “เมื่อความปรากฎว่าได้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หรือจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้อธิบดีหรือรองอธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขได้”

“ก่อนการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งโดยมีอำนาจเรียกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เอกสารที่ได้จดรายการทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือเอกสารที่จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้คัดค้าน ถ้าไม่คัดค้านภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ให้ถือว่าไม่มีการคัดค้าน”

นายจุลพงศ์ ชี้ว่า ก่อนการตั้งคณะกรรมการในวรรคสอง ต้องเกิดความปรากฏแก่กรมที่ดินแล้วว่า โฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ์มีการออกโดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรืออีกนัยหนึ่งคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามวรรคสองไม่มีอำนาจสอบสวนว่า โฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ์มีการออกโดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และยิ่งไปกันใหญ่เมื่อศาลฎีกาข้างต้นได้เคยมีคำพิพากษายืนยันถึงกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณเขากระโดงว่า เป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. ไปแล้ว

นายจุลพงศ์ มองว่า มูลเหตุของการที่กรมที่ดินต้องแต่งตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ชุดล่าสุดนี้ เกิดเมื่อ รฟท. ได้มีหนังสือถึงกรมที่ดินขอให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลังจากที่ศาลฎีกามีคำพิพากษามาตั้งแต่ปี 2560 แต่หลังจากกรมที่ดินได้รับหนังสือแล้วกลับยังไม่ยอมแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเสียที จนในที่สุด รฟท. ได้ฟ้องร้องกรมที่ดินต่อศาลปกครอง ต่อมาศาลปกครองมีคำพิพากษาในคดีแดงที่ 582/2566 สั่งให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการตามวรรคสองของมาตรา 61 ของประมวลกฎหมายที่ดินและเป็นชุดที่มีมติตามที่ปรากฏในหนังสือกรมที่ดินถึง รฟท. ฉบับลงวันที่ 21 ต.ค. 2567

นายจุลพงศ์ กล่าวอีกว่า กรมที่ดินได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดว่ากรมที่ดินได้ปฎิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองในคดีแดงที่ 582/2566 ที่ให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการตามวรรคสองของมาตรา 61 ของประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว และกรมที่ดินยังได้อ้างว่าคำพิพากษาศาลปกครองดังกล่าวมิได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดและเอกสารสิทธิที่ดินแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ในคำพิพากษาของศาลปกครองกลางฉบับเดียวกันได้อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับที่ 842-876/2560 และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2560 รวมทั้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาคสาม คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 หมายเลขแดงที่ 1112/2563 ที่พิพากษาเหมือนกันหมดว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท.

นายจุลพงศ์ กล่าวด้วยว่า คนทั่วไปฟังเรื่องนี้แล้วจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมมติของคณะกรรมการที่กรมที่ดินแต่งตั้ง จึงขัดกับคำพิพากษาศาลฎีกา และสงสัยว่าเรื่องนี้ จะลงเอยอย่างไร มหากาพย์ที่ดินเขากระโดง เกิดจากการอาศัยความเชี่ยวชาญในการใช้เทคนิค และช่องว่างทางกฎหมายของกฎหมายที่ดิน กฎหมายปกครอง และระเบียบกรมที่ดินที่คนทั่วไปเข้าใจได้ยาก จึงเป็นมหากาพย์ของความร่วมมือกันทำลายหลักนิติธรรมของประเทศไทย ยิ่งเมื่อไปดูรายชื่อคณะกรรมการตามมาตรา 61 ที่อธิบดีกรมที่ดินแต่งตั้งชุดล่าสุดนี้ หลายคนตั้งข้อสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ทางใดทางหนึ่งกับนักการเมืองระดับชาติในจังหวัด เรื่องนี้จึงมีอะไรที่ซ่อนอยู่อีกเยอะ

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ชี้ผู้สมัคร พรรคส้ม ถูกจับยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม

กกต.กทม. แจงผู้สมัคร ส.ส. เขต 33 ปชน. ถูกจับข้อหาฟอกเงิน–ยาเสพติด ยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม หากศาลยังไม่ตัดสินเด็ดขาด พร้อมย้ำการเปลี่ยนผู้สมัครทำได้เฉพาะกรณีลาออก ตาย หรือมีคำพิ

‘อนุทิน-เนวิน’ ร่วมพิธีปิดทองฉัตร 9 ชั้น เสาต้นที่ 37 ก่อนกินส้ม

นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อม พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงปร

พรรคส้มกลับลำ ดัน 'เท่าพิภพ' เสียบแทน อดีตผู้สมัครสส.สีเทา ชิงเก้าอี้เขตบางพลัด-บางกอกน้อย

เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีตสส.พรรคประชาชน โพสต์ภารกิจฟื้นความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรคสำคัญที่สุด พร้อมกลับมารับใช้คนกรุงเทพ

นายกฯ นำคณะบวงสรวงรัชกาลที่ 1 เปิดงานปิดทองเบิกฟ้า จ.บุรีรัมย์ เสริมสิริมงคล

นายกฯ นำคณะบวงสรวงรัชกาลที่ 1 เปิดงานปิดทองเบิกฟ้า จ.บุรีรัมย์ เสริมสิริมงคล ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้าน ‘เนวิน’ นั่งใต้ต้นฉัตรเงินต้นที่ 37

เปิดเบื้องหลัง 'ปชน.' เปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส.กทม.เขต 33 โดนหมายจับพัวพันเครือข่ายค้ายา

เปิดเบื้อหลังเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขต 33 บางพลัด-บางกอกน้อย เนื่องจากพรรคประชาชนตรวจสอบพบว่าผู้สมัครถูกออกหมายจับในคดีอาญา