
‘ธนกร’ ยัน พรรคร่วมรบ.จุดยืนชัดปิดประตูตายไม่นิรโทษฯคดีม.112 ลั่น หากพรรคปชน.รั้นไม่ลดเพดาน เตรียมผิดหวังถูกคว่ำในสภาแน่ เหตุขัดรธน. ความมั่นคงของรัฐ ย้ำไม่มีพรรคไหนเห็นด้วย แนะ คิดใหม่พลิกหนุนร่างเสริมสร้างสันติสุขของรทสช. ถ้าเห็นแก่ปท.ชาติจริง ไม่ได้จ้องช่วยบางกลุ่ม
28 ต.ค.2567- นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์หลังจากนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ยืนยันร่างกฎหมายของพรรคที่เสนอต่อสภาฯจะไม่ลดเพดานคดีมาตรา 112 โดยมองพรรครัฐบาลไม่มีเอกภาพความเห็นสวิงตลอดเวลาว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนชัดเจนมาโดยตลอดว่ากฎหมายนิรโทษกรรมผู้มีแรงจูงใจทางการเมืองไม่เหมารวมคดีทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติย้ำจุดยืนชัดมาตั้งแต่แรก ไม่สังฆกรรม ปิดประตูตายไม่ยอมรับกฎหมายที่มีเกี่ยวข้องกับมาตราดังกล่าว เพราะผู้ที่กระทำความผิดหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือว่ามีความผิดร้ายแรงเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
หากสภาให้ความเห็นชอบยกโทษผู้กระทำความผิดในเรื่องนี้ ถือเป็นการลดทอนความสำคัญของกฎหมายปกป้องพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่สส.พึงกระทำ หากพรรคประชาชนที่เสนอกฎหมายเข้าสภามาแล้วยังดื้อรั้นดันทุรัง ดันกฎหมายดังกล่าวให้เข้าพิจารณาในสภา ตนขอบอกไว้ล่วงหน้าว่า ให้เตรียมใจถูกคว่ำร่างได้เลยเพราะไม่มีพรรคใดที่เห็นด้วยให้เหมายกเข่งนิรโทษกรรมแก่คนที่ทำผิดคดี ม. 112
ถามว่า แล้วทางออกของการสร้างความปรองดองในคดีการเมือง ที่เป็นปัญหาความแตกแยกมากกว่า 20 ปีจะไปต่อได้อย่างไร นายธนกร ระบุว่า ขอให้ทุกพรรค รวมถึงพรรคประชาชนด้วย ร่วมสนับสนุนและลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … ที่พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอต่อสภาฯไว้แล้ว ซึ่งเป็นร่างกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรม คดีที่มีแรงจูงใจและมีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาโดยไม่รวมการกระทำความผิดในมาตรา 112 มั่นใจว่าจะยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่สร้างความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาในสังคม
”ประมวลกฎหมายอาญาม.112 เป็นกฎหมายปกป้องพระมหากษัตริย์ประมุขแห่งรัฐถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งของประเทศ หากสภาฯเห็นชอบ ก็ไม่ต่างอะไรกับกระทำผิดมาตรา112 เสียเอง ซึ่งทุกพรรคการเมืองไม่มีใครเอาด้วยแน่ แต่ก็เห็นมีแค่พรรคเดียวเสียงแข็งไม่ลดเพดาน ก็ให้เตรียมใจผิดหวังเพราะไม่มีพรรคไหนเห็นด้วยกับร่างกม.นิรโทษกรรมสุดซอยของพรรคประชาชนแน่นอน ผมขอฝากถึงพรรคประชาชน ให้กลับตัวกลับใจคิดใหม่ ทำใหม่ หันมาสนับสนุนและเห็นชอบร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่รทสช.เสนอดีกว่า มุ่งเน้นคดีการเมืองไม่ยุ่ง ไม่แตะ ไม่เหมาเข่งไม่ยกโทษให้คนทำผิดคดีม.112 เชื่อว่าจะผ่านความเห็นชอบและสร้างความปรองดองแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้อย่างแน่นอน ขอให้พรรคประชาชนสนับสนุนกฎหมายนี้หากมีความจริงใจเห็นแก่ประเทศชาติจริง อยากให้เกิดความปรองดอง แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ใช่จ้องจะยกโทษให้บางกลุ่มที่ก้าวล่วงเบื้องสูงเท่านั้น“
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลปึ้กพ่วงงูเห่า โหวต‘อิ๊งค์’ท่วมท้น/ปิดฉากซักฟอกถลก2พ่อลูกดีลปีศาจ
ดีลแลกประเทศวันสุดท้ายร้อนฉ่า! รังสิมนต์สับ 2 ไอ้โม่งทำให้เกิดดีลปีศาจชั้น 14 ร
สภาเดือดพลั่ก! สส.ปชน. เปิดโปงปฏิบัติการไอโอกองทัพ พาดพิงสถาบัน แห่ประท้วงวุ่น
ระหว่างที่นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน กำลังอภิปรายไปได้ประมาณ 15 นาที นายพิเชษฐ์เชื้อ เมืองพาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในขณะนั้น ได้กล่าวตักเตือนว่า การนำเสนอสไลด์ในลักษณะตัดแปะ
'สิทธิพล' ซัด 'แพทองธาร' เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยต่างชาติแย่งงานคนไทย
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายนายกฯกำลังปล่อยให้ผู้ประกอบการต่างชาติทำลายเศรษฐกิจไทยไม่ว่าจะเป็น การทำลายงานคนไทยทั้งที่หลายอาชีพสงวนไว้เพื่อคนไทยเท่านั้น ทำลายอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
สับ 'เพื่อไทย' ไม่ได้เก่งเศรษฐกิจอย่างที่คุยโม้ ความสำเร็จในอดีตแค่โชคช่วย สมัยลุงตู่ยังดีกว่านี้
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย โดยกล่าวขอบคุณ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้ทำให้คนไทยทั้งประเทศตาสว่าง ได้เรียนรู้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เก่งกาจด้านเศรษฐกิจ ความสำเร็จในอดีตได้มาเพราะโชคช่วย
'ปกรณ์วุฒิ' ยันจบศึกซักฟอกก่อนเที่ยงคืน ลงมติพรุ่งนี้ 10 โมงเช้า
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
'รักชนก' ชี้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ นายกฯแตะตรงไหนก็ติดขัด เพราะเกรงใจเพื่อนสนิทพ่อ
รักชนก ศรีนอก อภิปรายถึงปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่ยังมีความจำเป็นจะต้องถูกทำลาย ทั้งทุนต่างชาติสีเทาและทุนไทยเทา ซึ่งร่วมมือกันบ่อนทำลายประเทศ