'เพื่อไทย' รอจับตาจุดยืน 'พรรคสร้างอนาคตไทย'

'สุทิน' เชื่อพรรคสร้างอนาคตไทยทำรัฐบาลอ่อนแอ ปัดตอบร่วมงานกับเพื่อไทย ชี้ต้องดูจุดยืนก่อนว่าอยู่จุดไหน

19 ม.ค.2565 - นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงนายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ว่าเมื่อใกล้มีการเลือกตั้งก็จะต้องมีการเกิดขึ้นของพรรคใหม่ แต่เกิดขึ้นแล้วจะอยู่ได้หรือไม่ได้อยู่ที่การยอมรับของประชาชน ซึ่งทุกคนต้องพิสูจน์ตัวเองอีกนาน ไม่ใช่วันเปิดตัวแล้วจะชี้ชัดได้ เมื่อเปิดแล้วมีนโยบาย มีทีมงาน มีองคาพยพอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือคุณยืนอยู่จุดไหนของแนวคิดทางสังคม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ดังนั้นต้องรอดูเขาก่อนว่ายืนอยู่จุดไหน

เมื่อถามว่า พรรคสร้างอนาคตไทยที่เปิดตัวใหม่จะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ในอนาคต นายสุทิน กล่าวว่ายังเร็วไป เพราะต้องดูว่าเขายืนอยู่จุดไหน และต้องดูว่าเขามีทิศทางและนโยบายอย่างไร การจะรวมงานกันนอกเหนือจากแนวคิดแล้วนโยบายก็ต้องไปด้วยกันได้ด้วย แต่ละพรรคก็ต้องไปสัญญากับประชาชน ถ้าเขาไม่ใช้จุดขายมาใส่ในนโยบายของรัฐบาลก็ยาก ดังนั้นต้องดูไปอีก ยังเร็วไป ใครเป็นหัวหน้าพรรคก็ยังไม่รู้ เห็นแต่ว่ามีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายอุตตม

เมื่อถามว่า การตั้งพรรคใหม่ ที่เหมือนแยกตัวออกมาจากพรรค พปชร.มองว่าจะทำให้ พปชร.อ่อนแอลงหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อแยกตัวออกมาก็ทำให้ พปชร.อ่อนแอในเชิงปริมาณ แต่จะมีออกมาอีกหรือไม่ ก็คงต้องตามดู เพราะไม่น่าจะจบเพียงเท่านี้ ซึ่งจากประสบการณ์อาจจะมีระลอกหนึ่ง ระลอกสอง ระลอกสามตามมา เพราะถ้าเกิดปรากฎการณ์เช่นนี้ก็จะมีเกิดขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น จะทำให้สถานการณ์ในพรรคร่วมรัฐบาลอ่อนแอ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ยศชนัน' โวยป้ายหาเสียงถูกทำลาย วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ มั่นใจรักษาฐานเสียงชายแดน

‘ยศชนัน’ วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ หลัง ’เพื่อไทย’ ถูกทำลายป้ายหาเสียงหลายเขต บอกไม่ถูกต้อง หลังถูกวิจารณ์เป็นพรรคตัวแปรอันดับ3 เหตุ ปชช. ยังไม่ตัดสิน มั่นใจ รักษาฐานเสียงจังหวัดชายแดนได้ เชื่อประชาชนเข้าใจ

'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า