'พิธา' เหน็บนายกฯอิ๊งค์ เมาหมัด เพราะไร้แผนงาน ไม่รู้ต้องทำอะไรก่อนหลัง

'พิธา' ปรากฎตัวในรอบเดือน บอก ไม่รู้ต้องวิเคราะห์การทำงาน 'นายกฯอิ๊งค์' อย่างไร เหตุไม่มีแผนงานชัดเจน อาจเมาหมัดตอนเจอปัญหา มอง ดราม่าอ่านไอแพด เป็นเรื่องธรรมดา ย้ำ แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร เชื่อ ทุกอย่างต้องใช้เวลา หลัง กระแส 'ปชน.' ตก-'ณัฐพงษ์' โดนเปรียบเทียบ โยนถาม 'ภท.' ทำไมงดออกเสียง สะท้อนทำตัวเป็นแกนนำรัฐบาลหรือไม่

10 ต.ค.2567 - ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าร่วมกิจกรรมแจกลายเซ็นหนังสือ 'เอาความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า การบันทึกภาพการเดินทางทางการเมือง 2561-2567' ซึ่งเป็นหนังสือที่บันทึกภาพชีวิตบนเส้นทางการเมืองของนายพิธา ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา จากหนึ่งในผู้นำเสนอนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ สู่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล

โดยนายพิธาเดินทางปรากฎตัวในรอบเดือน มาด้วยสีหน้าชื่นมื่น ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายสื่อมวลชน ซึ่งบรรยากาศที่บูธมูลนิธิคณะก้าวหน้า เป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สนับสนุน และแฟนคลับ นายพิธา มาต่อคิวซื้อหนังสือ เข้าคิวรับลายเซ็น และถ่ายรูปร่วมกับนายพิธา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาตั้งแต่การเลือกตั้ง 2566 ขณะที่บางส่วนได้นำเสื้อยืด เสื้อยืดลายพิเศษจากมูลนิธิคณะก้าวหน้า Hope Dares to Blossom มาให้นายพิธาเซ็นด้วย

ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการจัดกิจกรรมแจกลายเซ็น มีเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดลำดับคิว เพื่ออำนวยความสะดวก และไม่ให้กระทบกับบูธหนังสือที่อยู่ใกล้เคียงด้วย

จากนั้น นายพิธา เปิดเผยว่า ช่วงนี้ยังเดินทางตลอด ไม่ต่างประเทศก็ต่างจังหวัด พยายามเดินทางเพื่อพบปะประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้น และพยายามวางแผนการลงพื้นที่ให้ทุกสัปดาห์ ยังอยากลงพื้นที่น้ำท่วมอยู่ เมื่อเวลาเหมาะสม เพื่อไปทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไม่ได้ไปเกะกะใคร

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการทำงานของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า คงต้องเปรียบเทียบกับแผนงานว่ามีความตั้งใจอย่างไร ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีเป้าหมายจะทำอะไร เลยไม่รู้ว่าจะต้องวิเคราะห์อย่างไร แต่คนเป็นผู้นำ ควรมีวาระ 100 วันแรก ว่าตั้งใจจะทำอะไร เพราะหากไม่มีแผน เวลาเจอปัญหาเข้ามา ก็จะเมาหมัด ไม่รู้ต้องทำอะไรก่อนหรือหลัง จึงอยากให้รัฐบาลมีวาระ และความเข้าใจในการทำงาน เนื่องจากตอนนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งปัญหาภัยพิบัติ และปัญหาเศรษฐกิจ

ส่วนมองภาวะผู้นำของนางสาวแพทองธารอย่างไรบ้าง เนื่องจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่เรื่องถือไอแพด จนกระทั่งการตอบคำถามเรื่องทางเดินน้ำผิด นายพิธา มองว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องเนื้อหาเป็นเรื่องสำคัญกว่า ใครก็พูดผิดกันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ต้องดูกันที่มีวิสัยทัศน์หรือไม่ มีกลยุทธ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ดีกว่า การอ่านไอแพดเป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่ได้เป็นสาระอะไรเลย

เมื่อถามถึงความนิยมของพรรรคประชาชนที่ลดลงตามหลังพรรคเพื่อไทย นายพิธา ระบุว่า ตนพูดตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลแล้วว่า 'แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร' จะเป็นเพชรได้ ต้องใช้ทั้งความอดทน ความกดดัน ความร้อน และเวลา เชื่อว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน และเพื่อน สส.ของพรรค คงจะจำบรรยากาศจากอนาคตใหม่มาเป็นก้าวไกลได้ ซึ่งตนได้ใช้คำนี้ในที่ประชุมว่า หากเราผ่านกระบวนการนี้ไปได้ ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี และขอส่งกำลังใจให้ เพราะเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา

ส่วนกรณีที่ทุกการเคลื่อนไหวของนายณัฐพงษ์ถูกนำมาเปรียบเทียบกับตนนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนที่จะวิจารณ์ ส่วนตัวตนมั่นใจในตัวนายณัฐพงษ์มาก ตอนที่พยายามจัดตั้งรัฐบาล นายณัฐพงษ์ก็อยู่ข้างตัวตนอยู่พักนึง ตอนนั้นก็มีคนอยากให้นายณัฐพงษ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงมั่นใจว่าผ่านไปได้แน่นอน และที่กระแสหายไปนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับตน เป็นเรื่องของกระบวนการ

ส่วนมองอย่างไรในกรณีที่พรรคประชาชนโดนบิดไปจนมีการตั้งชื่อพรรคใหม่ให้ว่าพรรคประชาชนพม่าจากการอภิปรายของ สส.ของพรรค นายพิธา กล่าวว่า เราเป็นนักการเมือง ต้องรับฟังความคิดเห็น คำติชม ของประชาชนที่เลือกเรามาเป็นธรรมดา ขณะเดียวกันก็ต้องยืนยันในข้อเท็จจริง ว่าเราเป็นนักการเมืองไทย ต้องเลือกเอาผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก แต่เราก็เป็นส่วนหนึ่งในประชาคมโลก จึงต้องหาจุดสมดุลให้เจอ หากเรามีความจริงใจ และสามารถอธิบายได้ ก็คงเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น ต้องฟังประชาชน เพื่อเอามาปรับปรุง และแยกแยะให้ได้ว่า อันไหนเป็นเรื่องจริง

สำหรับกระแสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เข้าไปรับประทานอาหารที่บ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ตนไม่ทราบเรื่องส่วนตัว ว่าคุยอะไรกัน การเมืองภาพใหญ่ประชาชนควรเป็นส่วนสำคัญในการที่จะคิดอะไร มีคนมาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่จุดสำคัญที่จะต้องมาคอยโฟกัส เราควรโฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้จะดีกว่า แต่หากอยากจะฝากบอกอะไรพรรคประชาชน ตนจะบอกว่าให้เน้นที่ประชาชนเยอะๆ

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยงดออกในการลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่….) พ.ศ. ... ซึ่งวุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติมให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น จะสามารถสะท้อนได้หรือไม่ ว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาล นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็งง เพราะวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาโหวตผ่าน แต่คราวนี้งดออกเสียง ก็ต้องกลับไปถามพรรคภูมิใจไทยว่า ต้องการที่จะส่งสัญญาณอะไรกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นการทำประชามติ ว่ามีเหตุผลอะไร ที่ทำให้ภายในระยะเวลาเดือนกว่าๆ มีความคิดที่แตกต่างออกไป คงต้องฝากไปถามพรรคภูมิใจไทย

สำหรับกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 นายพิธา ย้ำว่า คงเป็นการยืนยันว่าทุกพรรคการเมืองควรช่วยกันร่วมแก้รัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรม

นายพิธา กล่าวต่อว่า จริยธรรมเป็นเรื่องดี ในสังคมควรจะมี แต่ไม่ควรใช้เป็นอาวุธในการทำลายล้างกัน การจะร้องอะไร ก็ควรจะมีโทษที่ได้สัดส่วนกับการร้อง ซึ่งสิ่งที่สังคมร่วมกันจรรโลง คือ การเห็นว่าจริยธรรมอันไหนเหมาะหรือไม่เหมาะ ไม่ควรใช้เป็นลงโทษหรือตัดสิทธิ์ทางการเมือง นี่น่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้นักการเมืองทุกพรรคร่วมกันพูดคุยเรื่องนี้ได้ว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว

ส่วนจะให้กำลังใจอย่างไรกับพรรคเพื่อไทยบ้างนั้น ตนยังยืนยันคำเดิมว่า ขอให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคสุดท้ายที่เจออะไรแบบนี้ ขอให้การกระทำแบบนี้ ถ้าเลิกไปเลยได้ก็ดี แต่หากจะให้มีอะไรแบบนี้ โทษที่ได้ต้องได้สัดส่วน ไม่ใช่ปลดนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเลือกมา หรือยุบพรรคที่ประชาชนตั้งกันมา มันไม่ควรมีอีกแล้วในการเมืองไทย การล้มล้างการปกครองในประเทศไทยมีเพียงอย่างเดียวคือการรัฐประหาร ซึ่งตนก็ไม่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยถูกยุบ

เมื่อถามว่าการยื่นคำร้องนายธีรยุทธ จะเสมือนเป็นการเปิดหน้าว่า ใครอยู่เบื้องหลังในการยุบพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า ตนไม่ได้ใส่ใจถึงเรื่องนั้น แต่คิดว่าเป็นกระบวนการที่ไม่น่าเสียเวลา และเสียสมาธิ ซึ่งนางสาวแพทองธารก็ต้องมีสมาธิในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องอะไรแบบนี้

ส่วนมีความเห็นอย่างไร ที่ข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองไม่ใช่พรรคก้าวไกลพรรคเดียวที่โดน นายพิธา กล่าวว่า ความอปกติในระบอบประชาธิปไตย จะกลายเป็นความปกติไป เหมือนที่มีการทำรัฐประหาร 12 ครั้งในประเทศไทย แล้วรู้สึกว่ามันปกติ พอมีกระบวนการเช่นนี้ ทุกคนก็จะคาดเดาว่า แย่แน่นอน แต่ไม่ควรจะมีใครต้องเสียสมาธิในเรื่องแบบนี้ ควรนำสมาธินั้นมาทำนโยบายแข่งขันกัน เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิธา' ปลอบ 'ปชน.' สู้ต่อต้องมีวันของเรา พร้อมยินดีกับ 'กำนันตุ้ย'

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลังพรรคประชาชนแพ้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรีว่า

พิธา ควง วิโรจน์ ช่วย 'โฟล์ค' หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลกเขต 1

พิธา อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายปฏิพัทธ์ สันติภาดา เดินสายหาเสียงช่วย นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หรือโฟล์ค ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1

เปิดข้อมูลอีกด้าน! บทบาทใหม่ 'พิธา' ที่ ม.ฮาร์วาร์ด ไม่ได้เป็นอย่างที่ 'ด้อมส้ม' คุยโม้

กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยบทบาทใหม่ที่มหาวิทยาลัย Harvard ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะ Visiting Democracy Fellows

ไม่พลาด! 'เต้ มงคลกิตติ์' ร้องตำรวจตั้งข้อหา 'กบฏ' พิธากับพวก รีบออกตัวไม่ได้หิวแสง

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรค 10 ปี

'ก้าวไกล' ยักไหล่! พรรคถูกยุบไม่สำคัญ หวั่นการปกครองจะกลายพันธุ์เป็นระบอบอื่น

นายชัยธวัช ตุลาธน อดีต สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย สส.ของพรรคก้าวไกล และอดีตกรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าว ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 สั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรค 5