'ผบ.ทร.'มอบนโยบาย 5 ข้อประจำปี 2568 พิทักษ์สถาบันฯ เตรียมกำลังป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ทางทะเล การรักษาความมั่นคงและพัฒนาประเทศ ช่วยเหลือประชาชน และพึงระลึก 'อำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบ'
10 ต.ค.2567 - ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) ได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก่กำลังพลกองทัพเรือ ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน โดยมีหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือรับฟัง พร้อมถ่ายทอดสัญญาณ ไปยังหน่วยต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บังคับหน่วยตั้งแต่ นายทหารชั้นนายพลเรือ หน่วยกำลัง ผู้บังคับการเรือ ผู้บังคับกองพัน ผู้อำนวยการกอง ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทยในต่างประเทศ ได้รับฟังการแถลงนโยบาย
ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า นโยบายการดำเนินงานในปีนี้ ยังคงเป็นไปตามที่ระบุไว้ในยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ ที่ครอบคลุมภารกิจของกองทัพเรือ 5 ด้าน ได้แก่ การพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ การเตรียมกำลังและป้องกันราชอาณาจักร การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การสนับสนุนการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ และภารกิจด้านการสนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนาย พึงระลึกต่อ “อำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบ” ของแต่ละนายที่พึงมี และรักษาอย่างเคร่งครัด
ในด้านของการพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งในปีนี้ กองทัพเรือได้มีโอกาสถวายงาน คือ พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การสวนสนามและสาบานตนของทหารรักษาพระองค์ การให้ความสำคัญในการดำเนินโครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ โคก หนอง นา โมเดล เพื่อสืบสานในพระราชปณิธานภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาพระราชทานไว้ให้เกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการดำเนินโครงการจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้กับส่วนรวมและประชาชนในพื้นที่บริเวณที่ตั้งหน่วยและพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดจนสนองโครงการในพระราชดำริ อย่างเต็มกำลังความสามารถ
ในด้านการเตรียมกำลังป้องกันราชอาณาจักร รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและสนับสนุนการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ อาทิ การเตรียมความพร้อมของกองทัพเรือด้านการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย การขจัดคราบมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ รวมถึงหลักปฏิบัติการร่วมและบริภัณฑ์ รวมทั้งการผลิตผู้เชี่ยวชาญระหว่างกองทัพเรือและศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ได้ตามมาตรฐานสากล
ในด้านการสนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน อาทิ การสนับสนับสนุนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) การส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ แนวทางการนำนโยบาย offset policy มาใช้ รวมถึงการทบทวนแผนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติเป็นประจำ โดยมุ่งเน้นการเตรียมการล่วงหน้าทางด้านกำลังพลยุทโธปกรณ์ รวมถึงแนวทางการปฎิบัติและงบประมาณให้พร้อมแบบ package เพื่อให้สามารถดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว(soft power)ในพื้นที่ของกองทัพเรือ ให้มีความสะอาดเรียบร้อยสวยงามตามมาตรฐานที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนดเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาล
ด้านบริหารจัดการ ให้ศึกษาแนวทางการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมไทยคมของกระทรวงกลาโหม และ UAV เพื่อให้การติดต่อสื่อสารกับกำลังทางเรือในทะเลระยะไกลและการติดต่อระหว่างกำลังพลของเหล่าทัพผ่านระบบสัญญาณดาวเทียม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ network centric warfare ในโครงการจัดตั้งสถานีตรวจการทางทะเล
ในส่วนของการดูแลทหารกองประจำการ นักเรียนทหาร ให้มีสิทธิเท่าเทียม ห้ามไม่ให้มีการลงโทษเกินกว่าเหตุ โดยผู้บังคับบัญชาในทุกระดับ กำกับดูแลครูฝึกและเน้นย้ำให้เข้าใจถึงหน้าที่และบทบาท ความรับผิดชอบของตนเอง อีกทั้งให้สอดส่องดูแลกำลังพลในทุกระดับไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมเร่งดำเนินการและหามาตรการในการป้องกันปราบปรามอย่างเด็ดขาด
การดูแลสวัสดิการให้แก่กำลังพล ตั้งแต่สิทธิสวัสดิการของกองประจำการ โดยเน้นการเบิกเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ตลอดจนการจัดเลี้ยงให้ถูกสุขลักษณะ การดูแลสุขภาพกำลังพลในทุกระดับโดยปรับรูปแบบเป็นการตรวจสุขภาพเชิงรุก การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ การส่งเสริมให้กำลังพลมีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง สานต่อโครงการอบรมดนตรี กีฬา ภาษา ให้แก่บุตรหลานราชการ และซ่อมแซมปรับปรุงที่พักอาศัยส่วนกลาง
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายหลักกองทัพเรือ 9 ด้าน ซึ่งกรมในฝ่ายอำนวยการและหน่วยรับผิดชอบหลักได้จัดทำขึ้น โดยมีการดำเนินการที่สำคัญจากยุทธศาสตร์กองทัพเรือ แผนแม่บทพัฒนากองทัพเรือ นโยบายกองทัพเรือ ระยะ 5 ปี ซึ่งจะมีรายละเอียดในเอกสารนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่จะแจกจ่ายให้หน่วยต่าง ๆ ต่อไป
ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบแนวทางการปฏิบัติงานในปีนี้ ไว้ว่า “เทิดทูนสถาบัน ป้องกันรัฐ พัฒนาชาติ ราษฎร์ศรัทธา: Monarchy Country Government People” รวมทั้งกำหนดให้ปีนี้ เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ หรือ “NAVY-SAFETY 2025” ในทุกๆ ด้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผบ.ทร.ดันฟริเกต2ลำ ลุ้นไฟเขียว‘เรือดำน้ำ’
ผบ.ทร.ดันฟริเกต 2 ลำ งบปี 69 เล็งใช้อู่ในประเทศต่อเรือ
ทร. เตรียมจัดเสวนาเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเล ปม MOU 44 หวังสื่อสารให้สังคมเข้าใจ
พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวภายหลังทำพิธีวันสถาปนากองทัพเรือ ครบรอบ 118 ปี เมื่อถามว่า อดีต ผบ.ทร. ได้ฝากถึงกรณี MOU 44
'บิ๊กดุง' ควง 'บิ๊กแมว' แนะนำตัวสื่อ ชื่นมื่น ฝากช่วยหนุนเรือดำน้ำ อย่าให้เป็น10ปีที่สูญเปล่า
พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมนายกสมาคมภริยาทหารเรือ พบปะอำลาสื่อ และ ได้เชิญพลเอกจิรพล ว่องวิทย์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่และภริยา มาแนะนำตัวกับต่อสื่อมวลชน
ลุ้นเรือดำน้ำในมือ“แมว” ส่องฉก.คอแดงในยุค“ปู”
หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ “โผทหาร” ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แรงกระเพื่อมโดยเฉพาะในกองทัพเรือ (ทร.) ที่เกิดขึ้นต้องถือว่า “จบ” ไปโดยปริยาย ปฏิกิริยาทิ้งท้าย ทั้งการโพสต์แสดงความเห็น ความรู้สึก ที่คน ทร.สะท้อนความอัดอั้นตันใจก็คงเป็น “ควันหลง” ให้เป็นข้อสังเกตต่อไป
เปิดเส้นทาง ‘บิ๊กแมว’ ฝ่ากระแสต้านขึ้นเป็น ‘ผบ.ทร.’ คนใหม่
ในส่วนของกองทัพเรือ เรียงเสียงฮือฮาไม่น้อย เมื่อ บิ๊กแมว-พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)
จบ-จัดทัพบิ๊กทหาร ถึงคิวผบ.ตร.-เลขาฯสมช.
เหลืออีกเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็จะถึงวันที่ 30 กันยายน ที่เป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ และเป็นวันสุดท้ายของข้าราชการที่เกษียณอายุ ทำให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องมีการจัดทัพด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จโดยเร็ว แต่หากไม่ทันก็รอไปถึงเดือนตุลาคมได้ โดยให้ผู้อยู่ในตำแหน่งรองฯ ปฏิบัติราชการแทนไปก่อน จนกว่าการแต่งตั้งโยกย้ายจะเสร็จสิ้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เกินเดือนตุลาคม