'ปิยบุตร' เสนอ 2 ทางเลือก จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


28 ก.ย.2567- นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "เมื่อการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ล่าช้าออกไปอีก รัฐบาล/รัฐสภาควรทำอย่างไร?" โดยมีเนื้อหาดังนี้

รัฐบาลวางแนวทางไว้ว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะมีขึ้นได้ ต้องผ่านการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง

ครั้งแรก ประชามติต้นปี 2568 เพื่อถามประชาชนว่าเห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยไม่แก้ หมวด 1 หมวด 2 หรือไม่

ครั้งที่สอง ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเพิ่มบทบัญญัติหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อร่างแก้ไขนี้ผ่านรัฐสภาแล้ว ก็ต้องไปออกเสียงประชามติ

ครั้งที่สาม มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ต้องนำร่างใหม่นั้นไปออกเสียงประชามติ

โดยรัฐบาลเห็นว่า การออกเสียงประชามติในครั้งแรก จะเกิดได้ ก็ต้องแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ เสียก่อน เพื่อเปลี่ยนจากเกณฑ์ “ผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ + ผู้เห็นด้วยเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ” หรือ Double Majority ให้เป็น “ผู้เห็นด้วยเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ”

ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ.ประชามตินี้ ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว อยู่ในการพิจารณาของวุฒิสภา

ปรากฏว่า เมื่อวานนี้ มีข่าวว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภา มีมติให้กลับไปเป็น Double Majority ตามเดิม

หากไปจนจบวาระสามในชั้นวุฒิสภา ยังเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า วุฒิสภามีมติแก้ไขจากร่างที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร

หากสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขของวุฒิสภา ก็ต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันของสองสภา ซึ่งก็ต้องทอดเวลาออกไปอีก

จากนั้น หากสภาใดสภาหนึ่งยังไม่เห็นด้วยกับร่างที่คณะกรรมาธิการร่วมสองสภาทำกันมา ร่างนั้นก็จะถูกยับยั้งไว้ 180 วัน สภาผู้แทนราษฎรจึงจะนำกลับมาลงมติยืนยันได้

เมื่อดูตารางเวลาของกระบวนการนิติบัญญัติกรณีการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติแล้ว จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีการออกเสียงประชามติรอบแรกในต้นปี 2568

อย่างน้อยๆ ต้องเสียเวลาเพิ่มอีก 8-10 เดือน

กว่าจะแก้ไข รธน ให้มี สสร แล้วประชามติ

เลือก สสร มาทำร่างใหม่ แล้วประชามติ

ก็ต้องบวกเวลาเพิ่มไปอีก อย่างน้อย 2 ปี

ดังนั้น Roadmap ที่แกนนำรัฐบาล พูดกันว่า เลือกตั้งปี 70 จะมีรัฐธรรมนูญใหม่ให้ใช้ จึงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

ด้วยสถานการณ์ที่มีคนพยายามใช้กลไกถ่วงเวลาการแก้รัฐธรรมนูญเช่นนี้

ผมเห็นว่า รัฐบาลและรัฐสภามีทางเลือก 2 ทาง

ทางเลือกแรก

ลดการออกเสียงประชามติเหลือ 2 ครั้ง กล่าวคือ เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เข้ารัฐสภาเลย (ถ้ารีบเสนอวันนี้เลย ก็สามารถพิจารณาวาระแรกทันในสมัยประชุมนี้ ซึ่งจะสิ้นสุดสิ้นเดือน ตค) เมื่อผ่านรัฐสภา ก็ไปออกเสียงประชามติ

เมื่อผ่าน ก็มี สสร เมิ่อ สสร ทำร่างใหม่เสร็จ ก็นำมาออกเสียงประชามติ

ทางเลือกนี้ ประหยัดเวลาไปอีก 8-10 เดือน และทำประชามติเพียงสองครั้ง ประหยัดงบประมาณไปได้มาก

ประธานรัฐสภาไม่ต้องกังวล ต้องกล้าบรรจุเรื่องเข้ารัฐสภา เพราะ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าการทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำประชามติ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง กรณีนี้ ทำสองครั้ง (แก้ให้มี สสร 1 ครั้ง และ ร่างใหม่ที่ สสร ทำ อีก 1 ครั้ง)

ทางเลือกที่สอง

เสนอแก้รัฐธรรมนูญ 2560 รายมาตรา ตั้งแต่หมวด 3 จนถึงหมวดสุดท้าย ตั้งแต่มาตรา 25 ถึงมาตรา 279

ในเมื่อการมี สสร. ในเมื่อการทำรัฐธรรมนูญใหม่ มีอุปสรรคมากมาย กังวลเรื่องนั้น กลัวเรื่องนี้ เถียงกันอยู่แค่ว่าต้องมีประชามติกี่ครั้ง ต้องแก้ไขกฎหมายประชามติก่อนหรือไม่ อย่างไร

อย่ากระนั้นเลย ในเมื่อรัฐสภาเป็นผู้ทรงอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ก็สามารถดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนดไว้ใน หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเสีย

ปัญหาหรือข้อกังวลต่างๆก็ตกไป

การแก้ไข ตั้งแต่ มาตรา 25 ถึง มาตรา 279 ไม่ใช่การทำใหม่ทั้งฉบับอยู่แล้ว ย่อมไม่ติดกับดัก “ประชามติ“ ที่ปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

ข้อกังวลเรื่องจะมาแก้ไข หมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ ก็ไม่มี เพราะ นี่คือการเริ่มแก้ตั้งแต่หมวด 3 เป็นต้นไป

และกระบวนการนี้ ทั้งหมดจบได้ด้วยประชามติครั้งเดียวตอนท้าย หลังจากรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว

ทางเลือกนี้ แก้ทั้งกับดัก และยังช่วยประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ

มีแต่ทางเลือกสองทางนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เรามีรัฐธรรมนูญใหม่ใช้ทันในปี 2570

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.ธนกร หวั่นเจ้าหนี้นอกระบบ ข่มขู่รีดเงินหมื่นจากกลุ่มเปราะบาง

นายธนกร วังบุญคงชนะ   สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลคิกออฟ โอนเงินหมื่น ให้กับกลุ่มผู้มีบัตรสวัส

อดีตสว.วันชัย ให้จับตาการตีโต้นักร้อง แบบขุดมาเจอขุดไป เบื้องหลัง-โคตรเหง้าโดนหมด!

นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ‘นิติสงคราม..ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ ระบุว่านิติสงคราม..ที่คนบางคนบางกลุ่มบางพวกกำลังทำอยู่จะทำก็ทำกันไป ต่อแต่นี้นิติสงคราม สงครามน้ำลาย

ลากไส้พรรคเพื่อไทย เคยด่า 'คนละครึ่ง' ต่อให้สิ่งที่ทำดี ถ้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็จ้องโจมตี

จากกรณีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวว่า จะมีการฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง