17 ม.ค.2565 - ผู้สื่อข่าวจังหวัดชุมพร รายงานผลการเลือกตั้งซ่อมว่า เป็นที่รู้กันว่าสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 ดุเดือดเผ็ดร้อนขนาดไหน จนเป็นที่จับตามองไปทั่วประเทศ มีพรรคการเมืองส่งตัวแทนลงชิงชัย 5 พรรค ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้า พรรคก้าวไกล และพรรคไทยศรีวิไลย์
พรรคคู่แข่งที่มีการแข่งขันกันสูงดุเดือดจนถูกจับตามองมากที่สุดคือ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีนายอิสระพงษ์ มากอำไพ “เลขาตาร์ท” เบอร์ 1 รู้กันทั้งมวลมหาประชาชนว่า “เลขาตาร์ท” คือตัวแทน อดีต ส.ส.ลูกหมี 1 ใน 5 เสือ แกนนำ กปปส. ที่ถูกคดีชุมนุมทางการเมืองขับไล่รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในยุคนั้น ถูกท้าชิงจาก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เบอร์ 4 นายชวลิตร อาจหาญ “ทนายแดง”
บนสนามเลือกตั้งในพื้นที่นั้นทั้ง 2 พรรคใหญ่ ต่างละเลงปี่กลองรัว ๆ งัดกลยุทธทางการเมืองเข้าห้ำหั่นกันชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันแบบยอมกันไม่ได้ เมื่อย้อนไปสมัยเมื่อครั้งเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา นายชุมพล จุลใส “ลูกหมี” ได้คะแนน 47,030 คะแนน ส่วนนายชวลิต อาจหาญ “ทนายแดง” ได้ลำดับที่ 2 ด้วยคะแนน 32,219 คะแนน
หลังจากห้ำหั่นกับในสนามเลือกตั้งมานาร่วม 1 เดือน ต่างฝ่ายต่างระดมขุนพลลงพื้นที่ทั้งตั้งเวทีปราศรัย การเดินเข้าหาหมู่บ้าน ชุมชน พบปะผู้คน กันทุกวัน ขนาดคนระดับ ร.อ.ธรรมนัส ถึงขั้นวางแผนหาเสียงกินนอนอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร หลายวันเลยทีเดียว
ในที่สุดผลคะแนนเสียงฉันทามติจากประชาชนเมื่อค่ำคืนวันที่ 16 ม.ค.65 ที่ผ่านมา นายอิสระพงษ์ มากอำไพ “เลขาตาร์ท” เบอร์ 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นด้วยคะแนน 49,014 คะแนน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ นายชวลิต อาจหาญ “ทนายแดง” ได้คะแนน 32,281 คะแนน ถูกทิ้งห่างถึง 16773 คะแนน
ผลแพ้ชนะประเด็นที่ถูกจับตามองคือกลยุทธทางการเมืองที่ทั้ง 2 พรรค นำมาใช้ โดยพรรคประชาธิปัตย์ใช้กลยุทธ รู้คนรู้พื้นที่ ตีธรรมนัส อัดปิ๊กป้อม ชมลุงตู่ ชูลูกหมี วีระบุรุษ กปปส.ขวัญใจมวลมหาประชาชนคนชุมพร และนำวาททางการเมืองที่แกนนำและคนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นถือว่าถนัดมามัดใจคนชุมพร อย่างเช่น คืนความเป็นธรรมให้กับลูกหมี พร้อมกับฉายภาพให้คนชุมพรรู้ว่า “ลูกหมี” วีระบุรุษคนชุมพร กำลังถูกรุมยำด้วยอิทธิพลของ ร.อ.ธรรมนัส และอำนาจรัฐ ให้ผู้คนเกิดความสงสารเห็นใจลูกหมีที่ถูกรุมรังแก จนเกิดวาทกรรมที่ว่า “หมาหมู่หรือจะสู้พลังชุมพร”
พร้อมกับขยายผลคำว่า “ขอให้พี่น้องเลือกคนที่มีความพร้อม ชาติสกุลต้องดี มีตังค์” ที่พูดออกมาจากปากของ ร.อ.ธรรมนัส บนเวทีปราศรัยใหญ่เลือกตั้งซ่อมที่ จ.สงขลา และ“ชุมพรแพ้ไม่ได้” บนเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.ชุมพร คำปราศรัยดังกล่าวเหมือนทิ่มแทงใจคนใต้ มีหรือที่ระดับแกนพรรคประชาธิปัตย์จะพลาด ได้นำมาขยายผลเสมือนว่าถูกคนต่างด้าวท้าวต่างแดนมาดูถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนใต้และชาวชุมพร
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หัวหอกสำคัญในการคุมเกมกำลังพลหาเสียงในพื้นที่ จ.ชุมพร กลับใช้คำพูดวาทกรรมและยุทธศาสตร์การเมืองแบบไม่รู้คนไม่รู้พื้นที่ ว่านี้คือภาคใต้ โหมกระหน่ำตามตามฉบับเศรษฐีกระเป๋าหนัก เข้ามาในพื้นที่ได้แต่แกนนำขี้แพ้ที่วนเวียนเป็นสัมภเวสีอยู่แวดวงการเมืองจนคนชุมพรเห็นหน้าก็ร้องอ๋อ
การหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ชูโครงการคนละครึ่งและบัตรประชารัฐ ให้แก่ประชาชน ในการหาเสียง แต่ถูกแก้ลำตอกกลับจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า โครงการดังกล่าวเป็นสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่นโยบายของพรรคตอนหาเสียงเลือกตั้ง แต่เป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลที่นำมาใช้แก้ปัญหาช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ประชาชนจะเลือกใคร พรรคใด ใครได้เป็น ส.ส. นโยบายนี้ยังใช้ได้ทั่วประเทศเหมือนเดิม
นอกจากนั้นพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่ชูให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา ซึ่งคนใต้เรียก “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคนทั่วภาคใต้และคนชุมพรมีความนิยมชมชอบมากพอสมควร การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้พรรคพลังประชรัฐกลับไม่เชิดชู “ลุงตู่” ในการหาเสียงเลย แม้แต่ป้ายผู้สมัคร ป้ายหาเสียง มีเพียงเฉพาะรูปของ พล.อ.ประวิตร วงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคและ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาพรรคกับตัวผู้สมัครของพรรคเท่านั้น จึงทำให้คนชุมพรและคนใต้ไม่ให้ความสำคัญมากนัก
กลยุทธทางการเมืองและวาทกรรมหาเสียงที่ใช้ขยี้ฝ่ายตรงข้ามในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์กินขาดและมาแบบเหนือเมฆโดยแยกลุงตู่ออกจากสนามรบแล้วชูลูกหมีสู้กับธรรมนัส จึงทำให้ชุมพรกลายเป็นแดนสังหารพรรคพลังประชารัฐ ให้พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูปเลยทีเดียว
สำหรับ นายอิสระพงษ์ มากอำไพ อายุ 33 ปี ว่าที่ ส.ส.ชุมพร เขต 1 ป้ายแดง เป็นหลานภรรยาของ นายชุมพล จุลใส “ลูกหมี” เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง จบการศึกษาปริญญาโทจาก Coventry University กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เรียนจบกลับมาบ้านเกิดลงเล่นการเมืองเป็นผู้ช่วย ส.ส.ลูกหมี และเลขานายก อบจ.ชุมพร ที่มี นายนพพร อุสิทธิ์ หรือ “นายกโต้ง” เป็นนายก อบจ.ชุมพร และเป็นหัวหน้า “ทีมพลังชุมพร” ที่มี ส.อบจ.ได้รับเลือกตั้งชนะมาถึง 28 เขต จาก 30 เขต ในพื้นที่ 8 อำเภอของ จ.ชุมพร และ “นายกโต๊ง” มีฐานะเป็นพี่เขย ของ “ส.ส.ลูกหมี”และเป็นน้องเขย “ส.ส.ลูกช้าง” นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร เขต 3 พรรครวมพลังประชาชาติไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ
'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง
จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
เปิด 5 ปัจจัย ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ 5 ปัจจัย ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม มีเนื้อหาดังนี้
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476