ทีมศก.เพื่อไทย ร่ายยาวซัดรัฐบาลของแพงทั้งแผ่นดิน-คิดแต่เก็บภาษี จี้เปลี่ยนตัว ’บิ๊กตู่’

‘เพื่อไทย’จี้ เปลี่ยนผู้นำ ร่ายยาวของแพงทั้งแผ่นดิน คิดแต่เก็บภาษี ไม่หารายได้เพิ่ม ยิ่งบริหาร ยิ่งเสื่อม แนะทางแก้ หมูแพง นำเข้าระยะสั้น พร้อมจัดหาวัคซีน

17 ม.ค.2565-นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยช่วงนี้ว่า เพิ่งเริ่มต้นปี 2565 ปัญหาเศรษฐกิจก็ประดังเข้ามาแบบไม่หยุด ทั้งราคาอาหารแพง หมูแพง ไก่แพง ไข่ไก่แพง ปลาแพง แม้กระทั่ง มะละกอจะทำส้มตำยังแพง และมาซ้ำเติมด้วยราคาพลังงานแพง น้ำมันแพง ไฟฟ้าแพง ก๊าซแพง และสินค้าอื่นๆจะแพงขึ้นตามมา ซึ่งอาจเรียกได้ว่า แพงทั้งแผ่นดิน ปี 2565จะเป็นปีที่หนักมากที่สุดอีกปีหนึ่งสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย เพราะทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมากเพราะแบกรับหนี้และการขาดทุนกันไม่ไหวแล้ว ยังต้องมาเผชิญกับวิกฤตโควิดสายพันธุ์โอมิครอนซ้ำซ้อน ซึ่งไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่

ประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รายได้กลับลดลง ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย คนไทยจำนวนหลายล้านคนตกงานไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้  แต่รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งทำให้คนไทยเป็นหนี้เพิ่มขึ้นกันมาก ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นไม่หยุด สูงกว่า 90% ของจีดีพีและยังไม่มีแนวทางที่จะลดลงได้ หากรัฐบาลยังบริหารแบบขาดความรู้ เกาไม่ถูกที่คันแบบนี้ ยิ่งจะทำให้ปัญหากลายเป็นดินพอกหางหมู แถมหมูยังเป็นโรค และสุดท้ายประเทศจะเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ จนจะไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้านได้เลย

“เรื่องของหมู แต่เป็นเรื่องหมูที่ไม่ได้แก้ได้หมูๆ เพราะจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลในสภาตั้งแต่ปี 2562 และ รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาอหิวาห์หมูนี้ตั้งแต่ 16 ตุลาคมปี 2562 แต่ดูเหมือนรัฐบาลเองไม่ได้จริงจังที่จะแก้ไขปัญหานี้สักเท่าไหร่ หรืออาจจะบริหารไม่เป็น จนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ จนวันนี้หมูตายเป็นจำนวนมากอาจจะกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหมูทั้งประเทศ ผู้ประกอบการต้องปิดกิจการ คนไทยต้องซื้อหมูในราคาแพงมหาโหด ทำให้ราคาอาหารชนิดอื่นๆเพิ่มขึ้นตาม แต่ผู้บริหารประเทศหลายคนกลับออกมาแก้ตัวแบบแปลกๆกัน โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ที่อ้างว่าของแพงเพราะเงินเฟ้อ ทั้งที่การวัดดัชนีเงินเฟ้อจะวัดจากราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งผู้นำแก้ตัวแบบกลับหัวกลับหางกัน”

นายกฤษฎา กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขนั้น อาจจะทำได้โดยการจะนำเข้าหมู ซึ่งจะเป็นแค่การแก้ไขปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น แต่การจะแก้ปัญหาในระยะยาวได้ รัฐบาลควรจะต้องจัดตั้งกองทุน เพื่อพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมูนี้ ซึ่งตอนนี้ประเทศจีนก็ได้มีการพัฒนาเรื่องนี้ไปแล้ว ส่วนประเทศเวียดนามก็นำเอาวัคซีนจากสหรัฐอเมริกามาเริ่มทดลอง แต่ก็ยังไม่ได้ผลสักเท่าไหร่  ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการที่จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง วัคซีนเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ และหากไม่ทำตอนนี้ ปัญหาก็จะบานปลายไปเรื่อยๆ หมูก็จะมีราคาแพงไปตลอดอีกหลายปี ซึ่งทำให้ราคาอาหารอื่นแพงขึ้นตาม สุดท้ายภาระก็จะไปตกที่ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ประชาชนที่จะเดือดร้อนกันมากอีกเช่นเคย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไทยทรุดหนักขณะนี้และยังไม่รู้จะฟื้นได้อย่างไร ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังเป็นผู้นำบริหารอยู่

ทุกวันนี้ ประเทศเพื่อนบ้านกำลังพัฒนาและเตรียมความพร้อมที่จะสร้างรายได้และเพิ่มรายได้ให้กับประเทศของเขา อย่างเช่น ประเทศลาว ใน 1 เดือนหลังเปิดใช้รถไฟความเร็วสูง จีน-ลาว มีการขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่า 670,000 คน มีการขนส่งสินค้าแล้วกว่า 170,000 ตัน นี่คือค่าความเสียโอกาสของไทยที่ล่าช้าในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์ แถมยังให้สื่อรัฐไปดูถูกเขาจนต้องไปกราบขอขมาเขาที่สถานทูต และ ประเทศเวียดนามเป็นศูนย์กลางผลิตอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไฮเทค อีกทั้ง ประเทศอินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ เป็นต้น แต่คำถามที่คนไทยสงสัยกันมากคือ แล้วพลเอกประยุทธ์เตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง ที่จะสร้างรายได้ให้กับคนไทยและประเทศไทย

หากได้ติดตามผลงานของพลเอกประยุทธ์ จะพบว่า นโยบายตั้งแต่ตอนหาเสียงนั้น พลเอกประยุทธ์ยังไม่ได้ทำสักอย่าง ไม่เพียงแต่จะไม่สร้างรายได้ นโยบายที่ออกมา กลับเพิ่มรายจ่ายให้กับผู้ประกอบการ และพี่น้องประชาชน ยกตัวอย่างเช่น การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ตอนนี้จัดเก็บอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ การจัดเก็บภาษีนักลงทุนในตลาดหุ้นที่กำลังจะเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเตรียมที่จะจัดเก็บภาษีนักลงทุนในตลาดคลิปโต ภาษีความหวาน ภาษีความเค็ม การเก็บค่าใช้น้ำกับชาวนาไร่ละ 25 บาทพอถูกด่าก็เลิกไป การเก็บค่าเหยียบแผ่นดินกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศคนละ 300 บาทซึ่งอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มรายจ่ายทั้งนั้น เหตุเพราะรัฐไม่สามารถดำเนินนโยบายหรือบริหารให้เกิดรายได้ได้ และไม่สามารถดึงดูดนักลงทุน หรือพูดง่ายๆคือ หาเงินไม่เป็น ซึ่งพอรายได้ไม่พอ ก็จำเป็นจะต้องมาจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับรายจ่าย แต่หารู้ไม่ว่าการเพิ่มภาษีและการเพิ่มภาระจะเป็นการเพิ่มต้นทุนและจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจทรุดลงไปอีก ประเทศที่มีผู้นำที่ฉลาด ในภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลจะต้องลดภาษีด้วยซ้ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นก่อน

“หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 นี้ จะ ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น และ จะเป็น ปีแห่งความทรุดโทรมเสื่อมถอย ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ความสามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยจะยิ่งลดทอน การลงทุนจะไม่เกิด คนไทยอาจจะต้องหนีไปหางานทำในต่างประเทศกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้มาจุนเจือครอบครัวในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจนี้ และหากรัฐบาลยังบริหารแบบสะเปะสะปะ เกาไม่ถูกที่คันแบบนี้ต่อไป เกรงว่า ประเทศไทยจะเป็นประเทศท้ายๆ หรืออาจจะท้ายที่สุด ที่จะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเหมือนเดิมได้ หลังจากวิกฤตการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจปัจจุบันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเศรษฐกิจไทย 3 ปีแล้วที่ยังไม่ฟื้นที่เดิม ซึ่งไม่รู้ต้องรอต่ออีกกี่ปี และฟื้นในระดับเดิมก่อนวิกฤตการณ์โควิดซึ่งก็ยังคงอยู่ในระดับเศรษฐกิจที่ยังแย่อยู่ ประเทศไทยดูเหมือนจะไม่เห็นอนาคตเลย ถ้ายังไม่เปลี่ยนผู้นำและพลเอกประยุทธ์ยังบริหารประเทศต่อไป”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทักษิณ' แจงไปตีกอล์ฟ ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ 'อนุทิน' เป็นเรื่องธรรมดาลิ้นกับฟัน

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฎภาพตีกอล์ฟร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี

‘แพทองธาร’ ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา หลังภาพ 'ทักษิณ-อนุทิน' ออกรอบตีกอล์ฟด้วยกัน

ความจริงแล้วตนและนายอนุทิน ก็คุยกันอยู่แล้ว ถึงจะมีปัญหาอะไรก็คุยกันเคลียร์กันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆถึงเวลาถ้ามีอะไรก็คุย

อย่างหล่อ! ‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง ‘ทักษิณ’ ยันการกระทำสำคัญกว่าคำพูด

‘อนุทิน’  ปัดตีกอล์ฟ ‘ทักษิณ’ เคลียร์ปมขัดแย้ง ยัน ‘การกระทำสำคัญ กว่าคำพูด’  ย้ำอีแอบ ไม่ได้หมายถึงตัวเอง - ภูมิใจไทยชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงเข้าประชุมครม. 

การเมืองมกรา’68 พรรคร่วมร้อนรุ่มแตกหัก ‘ทักษิณ’ หนาวสะท้านชั้น 14

ทักษิณขยี้หนัก โชว์ภาพตีกอล์ฟขนาบข้างทุนผูกขาด ส่อสื่อสัญญาณรุก “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” คาดชะตากรรมไม่แตกต่าง “ประวิตร-พปชร.” ประเมินปี 68 ปมชั้น 14 ทำการเมืองร้อนแรง

สัญญาณชัด! ‘เทพไท’ ฟันฉับความขัดแย้งในรัฐบาล เกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วแน่นอน

เป็นเรื่องปกติที่พรรคการเมือง ซึ่งมีจุดยืนและอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน แต่กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน

นักเขียนค่ายผู้จัดการ มองทางเลือก ‘ทักษิณ’ ยุบสภาล้างไพ่ใหม่ เหตุมั่นใจกระแส ’อิ๊งค์-ตัวเอง’

ทักษิณโชว์ร่วมก๊วนกอล์ฟอนุทิน โดยมีเจ้าสัวพลังงานร่วมด้วย โดยสื่อบอกว่าสยบรอยร้าว2พรรค ซึ่งจริงๆแม้ 2 พรรคจะขบเหลี่ยมทิ่มแทงกันบ้าง ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ทักษิณขู่ฟอด