นิรโทษกรรมปะทุ 'รทสช.' ค้านหัวชนฝาล้างผิด 112 'ลูกเสธ.แดง' เงียบกริบ  

แฟ้มภาพ

สภาฯ ส่อถกเดือด ผลศึกษา นิรโทษกรรมฯ รวมไทยสร้างชาติ ค้านหัวชนฝาล้างผิด 112 เตือนใช้เสียงข้างมาก รับรองรายงานกมธ.หากขัดต่อกฎหมาย ต้องมีคนรับผิดชอบ “ลูกเสธแดง”คนชง กลับเงียบไม่กล้าแสดงความเห็น  

22 ก.ย.2567 – นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงการประชุมสภาฯ วันที่ 26 ก.ย. ที่จะพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่ง กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว ว่า ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมความผิดในคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ทราบว่าากมธ.หาข้อสรุปไม่ได้ และให้ กมธ.แต่ละคนบันทึกความเห็น โดยแบ่งความเห็นเป็น 3 ประเภท คือ  1.ไม่รวม มาตรา112 เพราะไม่ใช่แรงจูงใจทางการเมือง 2.รวม มาตรา 112  อย่างมีเงื่อนไข และ3.รวม มาตรา 112 โดยไม่มีเงื่อนไข โดยส่วนตัวยืนยันว่าไม่เห็นด้วยและคัดค้านถึงที่สุด

“ไม่สมควรรวมคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ได้รับการนิรโทษกรรม เพราะไม่ใช่แรงจูงใจทางการเมือง อีกทั้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ระบุไว้ชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของรัฐ เป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระนามพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เกี่ยวข้องการเมือง หากจะนิรโทษกรรมให้ก็เสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ” นายธนกร กล่าว

นายธนกร กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นในคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 7 ส.ค. 2567  ระบุถึงพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครอง  ในประเด็นการยื่นแก้ไขมาตรา 112  ดังนั้นเมื่อเทียบเคียงกับผู้ที่กระทำความผิดตามมาตรา 112  มีน้ำหนักรุนแรงกว่าพรรคก้าวไกลดังนั้นในการประชุมสภาเรื่องนี้ ตนเองจะขอใช้เอกสิทธิ์สส. ไม่รวมการนิรโทษกรรมให้กับคดีมาตรา 112

“ผมเห็นด้วยที่จะมีการนิรโทษกรรมคดีการเมืองที่ไม่มีความรุนแรงหรือถึงแก่ชีวิต แต่ไม่รวมคดีทุจริตคอรัปชั่น และการพิจารณาการนิรโทษกรรมควรต้องพิจารณารอบคอบ  เชื่อว่าสภาเองก็ต้องมีการพิจารณาอย่างรัดกุม ไม่ทำให้เกิดการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญเสีย ทั้งนี้หากที่ประชุมสภาในวันที่ 26 ก.ย.มีการพิจารณาออกมาอย่างไร หากขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญควรจะต้องมีผู้รับผิดชอบ” นายธนกร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายงานของคณะกรรมาธิการศึกษาการตราพรบ.นิรโทษกรรมฯ มีการเสนอความเห็น-ข้อเสนอและข้อสังเกตุของคณะกรรมาธิการฯเกือบทุกประเด็น

โดยคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า สำหรับขอบเขตการนิรโทษกรรมนั้น ให้หมายความถึง” บรรดาการกระทำใด ๆ หากเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้ายร่างพระราชบัญญัติ ให้การกระทำนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้วก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้าผู้นั้นรับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง และให้ถือเสมือนว่าบุคคลนั้นไม่เคยกระทำความผิด”

พร้อมกับให้นิยามคำว่า “การกระทำที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง” ที่จะได้รับการนิรโทษกรรมไว้ว่า ให้หมายถึง“““การกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งหรือเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง”

แต่ในประเด็นว่า จะให้มีการนิรโทษกรรมคดี 112 ด้วยหรือไม่ ปรากฏว่า กรรมาธิการฯ เห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่ให้มีการทำความเห็นในนามคณะกรรมาธิการฯ ไว้ในรายงาน แต่ใช้วิธีให้กรรมาธิการฯ แต่ละคน เสนอความเห็นไว้ และบันทึกถ้อยคำการแสดงความเห็นไว้ในรายงานโดยไม่มีการลงมติ

โดยในส่วนของคดีที่มีความอ่อนไหวคือคดีความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 มีการแสดงความเห็นออกเป็น 3 แนวทาง

แยกเป็นแนวทางที่ 1 ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหว 14 คน มีอาทิเช่น นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา นายนพดล ปัทมะ จากพรรคเพื่อไทย นายวุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า

 -แนวทางที่ 2 เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหวโดยมีเงื่อนไข 14 คน เช่น นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ จากพรรคเพื่อไทย นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคประชาชน

-แนวทางที่ 3 เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหว 4 คน เช่น นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์หรือทนายแจม จากพรรคประชาชน หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด

และไม่ประสงค์แสดงความคิดเห็น 4 คน  โดยมีชื่อของ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยรวมอยู่ด้วย ทั้งที่ น.ส.ขัตติยา เป็นผู้เสนอญัตติดังกล่าวให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการฯ อีกทั้ง น.ส.ขัตติยา เป็นบุตรสาวของพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมเสื้อแดงปี 2553  

ทั้งนี้  ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ที่ กมธ.เห็นว่าเป็นคดีละเอียดอ่อน เช่นเดียวกับคดี 112 มีบทบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี”

ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนุน 'ปชน.' ยุติรื้อจริยธรรม ไม่เห็นด้วยยังดันทุรังแก้รธน.รายมาตรา

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เห็นด้วยกับการยุติแก้ไขประมวลจริยธรรมนักการเมือง ของพรรคประชาชน

'รวมไทยสร้างชาติ' จี้ กมธ.นิรโทษกรรม ถอนรายงานล้างผิดคดี 112 ออกจากสภาฯ

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เปิดเผยว่า จากรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา

สะพัด 'สันติ-วราเทพ' ทิ้งพลังประชารัฐ กลับเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า จากกรณีที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผา สส.พรรคพลังประชารัฐ ออกมาเปิดเผยว่า ยังมี สส.-แกนนำในกลุ่มพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

กูรูปูดอีกแล้ว! สส.เพื่อไทยกว่าร้อยคนผวา ถูกร้องถอดพ้นตำแหน่ง

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่าส.สเพื่อไทยกว่าร้อยคนผวา ถูกร้องถอดถอนออกจากตำแหน่งเพราะกระทำการขัดผลประโยชน์ ผิดรัฐธรรมนูญ

'สมชาย' เตือน อย่าดันทุรัง พท.ถอยยังเหลือปชน.ร่างแก้ไขรธน.ล้อมาจากเบ้าเดียวกัน

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า แก้รัฐธรรมนูญสุดซอย #เพื่อใคร #เลิกเถอะอย่าดันทุรัง