ควันหลงถกงบ68 'สว.พันธุ์ใหม่' แนะรัฐบาลต้องกล้าคิดใหญ่ทำใหม่ ตัดงบองค์กรอิสระ

10 ก.ย.2567- นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กว่า อภิปรายงบประมาณ ปี 2568 ในภาพรวม ให้เห็นว่า การจัดงบประมาณของรัฐบาลเพื่อไทย ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ มองไม่เห็นปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายบุคคลากรที่สูงถึง 68.2% เหลือเม็ดเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจเพียง 31.8% และในจำนวนนี้ก็ไปทุ่มกับดิจิทัลวอลเล็ต และ ซอฟต์พาวเวอร์ จนหมดหน้าตัก

เวลานี้จึงจำเป็นต้องปฏิรูประบบราชการขนานใหญ่

รัฐบาลต้องกล้าคิดใหญ่ทำใหม่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำงบ ให้สนองความต้องการอย่างแท้จริง หน่วยงานไหนทุจริต ตัดงบ หน่วยงานไหนใช้ภาษีบำเรอตนเอง ตัดงบ องค์กรอิสระ ที่ไม่ได้สร้างสรรค์ผลงานเพื่อประชาชน ตัดงบ

ข้อเสนอในการจัดทำงบประมาณ “ต้องเห็นหัวประชาชน” .

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผ่านฉลุย! 'วุฒิสภา' ไฟเขียวงบปี 68 'ขุนคลัง' ขอให้มั่นใจใช้จ่ายโปร่งใส

การประชุมวุฒิสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หลังสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายแล้วเสร็จ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบ 174 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 งดออกเสียง 7

'สว.พันธุ์ใหม่' รอชำแหละนโยบายรัฐบาลอิ๊งค์ จับตา 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

'นันทนา' เผย 'สว.' เงี่ยหูรอฟังนโยบายรัฐบาล จับตานโยบายดิจิทัลวอลเล็ต พายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือแค่ลมพัด แนะวางแผนงบ 69 ตั้งแต่เริ่มใช้งบ 68

ดร.อานนท์ เย้ยด้อมส้มได้ผู้แทนอ่านตัวเลขไม่เป็น สะท้อนคนเลือกโง่

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผมรู้สึกว่า คุณภาพประชาชนชาวไทย มีปัญหาอย่างยิ่ง เพราะเลือกสส. พรรคประชาชนมามากที่สุด

ชำแหละยิบ! ฝ่ายค้านอ่อนแอ บ่อนทำลายสภาฯ เลี่ยงตรวจสอบรัฐบาล พุ่งเป้าดิสเครดิตกองทัพ

กรณี สส.พรรคประชาชน นำเรื่องอาหารและเบี้ยเลี้ยงของทหารเกณฑ์มาอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเป็นการแสดงออกถึงความไร้ประสิทธิภาพอย่างร้ายแรงของการใช้เวลาในสภา

'จุลพันธ์' ชี้รถไฟฟ้า 20 บาท ต้องรอแถลงนโยบายก่อน ยันมีกลไกลดภาระงบรัฐ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานคณะกรรมธิการงบประมาณฯ ลุกขึ้นชี้แจงข้อสังเกตมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรัฐวิสาหกิจในหลายส่วน ว่า การปรับเปลี่ยนงบประมาณในครั้งนี้ ส่วนงบประมาณของธนาคารในกำกับของรัฐมาเป็นงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ