8 ก.ย. 2567 – สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง รัฐบาลใหม่ ครม.ใหม่ ในความเห็นประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 2,078 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 6 – 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
เมื่อถามความเห็นของประชาชนต่อ รัฐบาลใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ของนางสาว แพทองธาร ชินวัตร แบ่งออกตามกลุ่มคนเคยเลือกพรรคการเมือง พบว่า กลุ่มคนเคยเลือกพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.2 เห็นด้วย ในขณะที่ร้อยละ 18.8 ไม่เห็นด้วย และเมื่อวิเคราะห์ความเห็นของกลุ่มคนเคยเลือกพรรคอื่นพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.6 ไม่เห็นด้วย ในขณะที่ร้อยละ 24.4 เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ในด้านต่างๆ พบจุดแข็งของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เคยอยู่ในความนิยมของประชาชนมาช้านานอันดับแรกหรือร้อยละ 42.6 ได้แก่ เชื่อมั่นด้านสาธารณสุข ดูแลสุขภาพของประชาชน รองลงมาอันดับที่สอง หรือร้อยละ 33.7 ที่เกิดจากการรณรงค์จุดกระแสใหม่ของพรรคเพื่อไทย ได้แก่ เชื่อมั่นด้าน ซอฟต์พาวเวอร์ ฟื้นฟูการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและอื่น ๆ อันดับที่สาม หรือร้อยละ 33.2 ได้แก่ ด้าน เชื่อมั่นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ อันดับที่ สี่ หรือร้อยละ 25.3 ได้แก่ เชื่อมั่นด้าน การแก้ไขปัญหายาเสพติด และอันดับที่ห้า หรือร้อยละ 23.9 ได้แก่ เชื่อมั่นด้าน การแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.0 ค่อนข้างเชื่อมั่นถึงเชื่อมั่นมากที่สุดว่า รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่ครบเทอม ในขณะที่ร้อยละ 38.0 ไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย
รายงานของซูเปอร์โพลเกี่ยวกับความเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่และคณะรัฐมนตรีใหม่นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของมุมมองจากกลุ่มผู้เลือกพรรคเพื่อไทยเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เลือกพรรคอื่นๆ ความนิยมและความเชื่อมั่นในนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยที่ยังคงมีอยู่สะท้อนถึงความคาดหวังในหลายๆ ด้านที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลใหม่นี้ โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุขและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่าความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อการอยู่ครบเทอมของรัฐบาลนี้มีมากกว่าความไม่เชื่อมั่น สิ่งนี้อาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายและการตัดสินใจของรัฐบาลในอนาคตเพื่อรักษาความนิยมและตอบสนองความคาดหวังของประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง
รายงานของซูเปอร์โพล ยังระบุด้วยว่าผลสำรวจครั้งนี้สามารถช่วยให้นักการเมืองและนักวิเคราะห์นโยบายมองเห็นแนวโน้มและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ในหลายมิติ ได้แก่
1.ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลใหม่ ด้วยสัดส่วนของตัวอย่างที่ให้การสนับสนุนที่สูงจากกลุ่มที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยและการมีสัดส่วนความเชื่อมั่นที่ค่อนข้างสูงว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม แสดงให้เห็นว่ามีฐานเสียงที่มั่นคงและความคาดหวังที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลนี้อยู่ในระดับสูง สิ่งนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลสามารถใช้เป็นกลไกในการผลักดันนโยบายหรือโครงการใหม่ๆ ได้
2. ด้านที่ประชาชนเชื่อมั่น การที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นในด้านสาธารณสุขและการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นหลัก นักการเมืองและรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับปรุงนโยบายในสองด้านนี้เป็นพิเศษ การลงทุนในโครงการสาธารณสุขและการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอาจช่วยรักษาความนิยมและสร้างความเชื่อมั่นได้
3. การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยความเชื่อมั่นที่ต่ำในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ แก๊งมิจฉาชีพ คอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลใหม่อาจจำเป็นต้องพิจารณาเพิ่มความพยายามและทรัพยากรในด้านเหล่านี้ เพื่อตอบสนองและสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนให้มากขึ้น
4.ผลกระทบต่อการเมืองไทย ความแข็งแกร่งของฐานเสียงและความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลนี้อาจนำไปสู่ความมั่นคงในระยะสั้นถึงระยะกลาง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องระมัดระวังในการตอบสนองความคาดหวังของประชาชนในทุกกลุ่ม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและเพิ่มศักยภาพในการอยู่รอดตลอดเทอมการบริหาร
การตีความผลสำรวจทางการเมืองครั้งนี้จึงต้องพิจารณาทั้งความนิยมและจุดอ่อนเพื่อวางแผนกลยุทธ์ทางการเมืองและการบริหารที่เหมาะสม รวมทั้งต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นตามสถานการณ์ทางการเมืองที่รวดเร็วและไม่คาดคิดได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'วีระ' จี้รัฐบาลตอบคำถามตรงๆ ต่อประชาชนทำไมไม่กล้ายกเลิก MOU44
นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน
'ธนกร' แนะรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นใช้จ่ายเป็นของขวัญปีใหม่คนไทย!
'ธนกร' ขอนายกฯ-รัฐบาล สร้างความมั่นใจ หลังโพลเผย ปชช.ห่วงขัดแย้งการเมือง ฝากเร่งเครื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องด่วน แนะออกมาตรการกระตุ้นใช้จ่ายส่งท้ายปีเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย
'อุ๊งอิ๊ง' ประชุมเอกอัครราชทูตกงสุลใหญ่-ทีมไทยแลนด์ประจำภูมิภาคอเมริกา ยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย.(ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง)
ความจริงกำลังไล่ล่า2พ่อ-ลูก ยื้อเวลารอวันชี้ชะตาทั้งขบวนการ
มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาลในระยะเวลาอันใกล้ กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
จบเห่! การเมืองยุ่งแบงก์ชาติ สั่งเสือถอย 'จตุพร' แนะจับตา บ่อน-ขนส่งราง-แบ่งพลังงาน ผลประโยชน์มหาศาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า ตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร กลับไทยเมื่อ 22 ส.ค. 2566 ถึงวั
เอ็มโอยู44-เอื้อนายทุน จุดจบรัฐบาลไม่ครบเทอม
หากอ้างอิงข้อมูลจากนิด้าโพลเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา หัวข้อ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ อยู่ครบเทอมหรือไม่ โดยประชาชนมากกว่า 57.71% มองว่าอยู่ไม่ครบเทอม ประกอบด้วยสัดส่วนร้อยละ