‘วีระ’ ชี้ปัญหาการจัดสรรงบ 'รัฐบาล' ซ่อนยอดชำระหนี้คงค้าง 'รัฐวิสาหกิจ' เสนอเพิ่มเติมอีกรายการให้เห็นตัวเลขแท้จริง เตือนโครงการ 'รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย' ส่อเพิ่มหนี้ก้อนใหม่ เข้าอีหรอบเดิม
5 ก.ย.2567 - เวลา 15.03 น. นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ 2568 ที่สงวนความเห็น ได้อภิปรายแสดงเหตุผล มาตรา 29 งบประมาณรัฐวิสาหกิจ ที่เสนอตัดงบประมาณรายจ่ายของรัฐวิสาหกิจลง 10% คิดเป็นประมาณ 3.4 พันล้านบาท ว่า ในชั้นกรรมาธิการก็มีการตัดทอนลงไปอย่างมหาศาลอยู่แล้ว
แต่ตนเองสงวนความเห็นเพื่อชี้แจงว่า การตัดรายจ่ายดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตนไม่เห็นด้วย งบดังกล่าวเดิมรัฐบาลเสนอมา 6.9 หมื่นล้านบาท ในชั้นกรรมาธิการตัดทอนไป 3.5 หมื่นล้านบาท คงเหลือ 3.4 หมื่นล้านบาท พร้อมระบุว่า ขณะนี้เรามีรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 52 แห่ง ได้กำไร 35 แห่ง มีรายได้ประมาณ 4.4 ล้านล้านบาท มีกำไร 2.4 แสนล้านบาท นำส่งให้รัฐบาลล่าสุดเมื่อปี 2566 ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท
แม้รัฐวิสาหกิจบางแห่งจะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง เป็นสถาบันการเงิน แต่รัฐบาลมีภาระผูกพันต้องชดเชยรายได้ที่รัฐวิสาหกิจเสียไปเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย แต่รัฐบาลกลับไม่ทำ และยังตัดลดรายการที่จะต้องให้รัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง เป็นเงินประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อโยกไปเป็นงบกลางสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นายวีระ ยก พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่กำหนดไว้ว่า อัตราส่วนระหว่างยอดค้างชำระที่สถาบันการเงินออกให้ก่อน อยู่ที่ 32% ปัจจุบันกรอบดังกล่าว เพดานในการชดใช้เงินจะอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท สถานะของยอดคงค้างปัจจุบันอยู่ที่ 1.004 ล้านล้านบาท หมายความว่าไม่ทะลุเพดาน แต่จำนวนค่อนข้างเยอะ
นายวีระ ชี้ว่า การดำเนินการขณะนี้ ในงบประมาณรายจ่ายรัฐวิสาหกิจ ถ้าหากเราจะบริหารจัดการแบบนี้ อนาคตอาจเป็นปัญหาได้ เพราะส่วนหนึ่งอยู่ในรายการบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาล 4.1 แสนล้านบาท มาแฝงไว้ในงบรายจ่ายรัฐวิสาหกิจที่จะต้องจ่ายคืน ทำให้เราไม่รู้สถานะหนี้สินและภาระค้างจ่ายของรัฐบาลอย่างแท้จริง
“ในอนาคตผมอยากเสนอให้ท่านสมาชิกลองทบทวนดูในการจัดทำงบประมาณปีต่อๆ ไป นอกเหนือจากการแยกให้ชัดเจนระหว่างการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ เป็นรายจ่ายที่ไม่สามารถเพิกถอนเปลี่ยนแปลงได้ กับรายจ่ายที่ต้องดำเนินการสำหรับการค้างจ่าย ที่ค่อนข้างยืดหยุ่น แต่บางครั้งเป็นการยืดหยุ่นแบบไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ หากในอนาคตสามารถแยกออกมาเป็นรายการให้ชัดเจนก็คงดี” วีระกล่าว
นายวีระ ยังเสนอให้เพิ่มเติมรายการชำระหนี้คงค้างของรัฐบาลที่มีต่อรัฐวิสาหกิจที่ให้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ซึ่งต่อไปในอนาคต รัฐบาลมีโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ยอดหนี้จะเพิ่มมาอีกก้อน เพราะต้องมีการชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป และต้องมีการตั้งกองทุน หรือจัดระบบให้รัฐวิสาหกิจใดออกเงินไปแทนก่อน เหมือนที่ทำกับสถาบันการเงินอยู่ในขณะนี้
“มันจะมาอีหรอบเดียวกัน ถ้าเราใช้โอกาสนี้ ขยายให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลบริหารเงินได้เหมาะสมสอดคล้องหรือไม่ ก็จะเป็นประโยชน์” นายวีระกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ควันหลงถกงบ68 'สว.พันธุ์ใหม่' แนะรัฐบาลต้องกล้าคิดใหญ่ทำใหม่ ตัดงบองค์กรอิสระ
นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กว่า อภิปรายงบประมาณ ปี 2568 ในภาพรวม ให้เห็นว่า การจัดงบประมาณขอ
ผ่านฉลุย! 'วุฒิสภา' ไฟเขียวงบปี 68 'ขุนคลัง' ขอให้มั่นใจใช้จ่ายโปร่งใส
การประชุมวุฒิสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หลังสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายแล้วเสร็จ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบ 174 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 งดออกเสียง 7
ดร.อานนท์ เย้ยด้อมส้มได้ผู้แทนอ่านตัวเลขไม่เป็น สะท้อนคนเลือกโง่
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผมรู้สึกว่า คุณภาพประชาชนชาวไทย มีปัญหาอย่างยิ่ง เพราะเลือกสส. พรรคประชาชนมามากที่สุด
ชำแหละยิบ! ฝ่ายค้านอ่อนแอ บ่อนทำลายสภาฯ เลี่ยงตรวจสอบรัฐบาล พุ่งเป้าดิสเครดิตกองทัพ
กรณี สส.พรรคประชาชน นำเรื่องอาหารและเบี้ยเลี้ยงของทหารเกณฑ์มาอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเป็นการแสดงออกถึงความไร้ประสิทธิภาพอย่างร้ายแรงของการใช้เวลาในสภา
'ไอซ์ รักชนก' ปากแจ๋ว! ถล่มศาลรธน. ของบ 1 ล้าน สำรวจความเห็นประชาชน
นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 31 ศาล ถึง โครงการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการอำนวยความยุติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ ปี 68 จำนวน 1 ล้านบาท
'จุลพันธ์' ชี้รถไฟฟ้า 20 บาท ต้องรอแถลงนโยบายก่อน ยันมีกลไกลดภาระงบรัฐ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานคณะกรรมธิการงบประมาณฯ ลุกขึ้นชี้แจงข้อสังเกตมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรัฐวิสาหกิจในหลายส่วน ว่า การปรับเปลี่ยนงบประมาณในครั้งนี้ ส่วนงบประมาณของธนาคารในกำกับของรัฐมาเป็นงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ