'จุติ' บอก 'น้องจุลพันธ์' ด้วยความรัก อยากให้อยู่นานๆ แต่ต้องทำให้ถูกต้อง

"จุติ" บอก "น้องจุลพันธ์" ด้วยความรัก อยากให้อยู่นานๆ แต่ต้องทำให้ถูกต้อง หวัง ก.คลัง ฟังจิ้งจก-ตุ๊กแก-ฝ่ายค้าน มากกว่าทีมเสนาธิการเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ ขณะที่ รมช.การคลัง ยันรัฐบาลให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาประชาชน

3 ก.ย.2567 - เวลา 18.30 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า กราบเรียนท่านรองประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ด้วยความรัก และความหวังดี ไม่ได้ปรารถนาเป็นอย่างอื่น แต่เมื่อตนได้คุยกับนักวิเคราะห์ที่จัดลำดับประเทศไทยแล้ว เห็นว่าสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นของประเทศโดยไม่ต้องใช้งบประมาณ

“ถ้าทำได้ผมจะตั้งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ใช่เก่งนะครับ แต่เขาฟังจิ้งจก ตุ๊กแก และฝ่ายค้าน ซึ่งทุกคนมีข้อเสนอที่ดีให้กับประเทศไทยทั้งนั้น แต่อยากจะกราบวิงวอนว่าท่านจุลพันธ์ช่วยบอกท่านประธานมาฟังด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง”

นายจุติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากจะเตือนรัฐบาลที่อยู่ด้วยกัน คือในวันนี้หลายเรื่องที่ท่านทำไม่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทย ท่านพูดถึงไปว่าจะศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค คนไม่รู้ก็ดีใจตามไปด้วย แต่คนที่รู้ก็สลดใจว่าจะไปถึงตรงนั้นหรือไม่ ตนในฐานะคนไทยก็อยากให้ไปให้ถึง แต่ตนขอกราบเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังว่า กระทรวงการคลังเป็นเสาหลัการคลังและเศรษฐกิจให้พัฒนาอย่างยั่งยืน วันนี้ท่านจะให้เป็นอะไรก็ตาม จะแก้ไขปัญหาความเชื่อมั่นก็ตาม แต่เรื่องธรรมาภิบาลเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำด้วย

นายจุติ มองว่า วันนี้ตลาดทุนของประเทศไทยล้มเหลว ซึ่งท่านต้องไม่ปล่อยให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ทำหน้าที่แบบที่เป็นอยู่ และแม้ท่านไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ แต่ต้องเข้ามาแก้เรื่องการปั่นหุ้น เพราะคนที่หลงเชื่อคำประเมินจากตลาดหลักทรัพย์เจ๊งกันไปหมดแล้ว เพราะเขาเชื่อ คนที่ทำก็ยังไม่มีใครติดคุกสักคนคนเดียว เป็นไปตามฟอร์มเดิมคือป่วยแล้วเข้าโรงพยาบาล ซึ่งเกิดจากการตีความกฎหมายที่เป็นคุณต่อผู้กระทำผิดมากกว่าปกป้องนักลงทุน และสิ่งที่เป็นตัวเทียบวัดว่าเรายังไม่เทียบเท่าประเทศอื่นไม่ได้ คือความรู้ของผู้ลงทุน

“ผมจึงอยากเตือนกระทรวงการคลังว่า ท่านฟังจิ้งจก ตุ๊กแก ฝ่ายค้าน มากกว่าฟังทีมเสนาธิการเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ เพราะวันนี้ทำแบบเดิมๆ แล้ว เรทติ้งมีแต่ตกลงๆ สิ่งที่ผมไม่สบายใจ คือกระทรวงการคลังคุยกับสำนักงบประมาณ สส. จิ้งจก ตุ๊กแก ฝ่ายค้านก็เสนอหมด ว่าความเจ็บปวดของประชาชนอยู่ที่ไหน จัดงบให้เขาได้หรือไม่”

นายจุติ ยังถามถึงความคุ้มทุนระหว่างการให้ต่างชาติเช่า 99 ปี กับการหาที่อยู่ให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย 99 ปีว่า อย่างไหนจะคุ้มทุนมากกว่ากัน “ผมน้อยใจแทนคนจน เพราะว่ายังไม่เห็นในงบประมาณ ปี 68 ที่จะมีการสร้างบ้านซึ่งเป็นปัจจัยสี่ให้กับผู้มีรายได้น้อย หรือคนจน ผมจึงอยากเตือนว่า แจกแล้วไม่ได้หายจน ไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ได้ทำให้สังคมดีขึ้น แต่ท่านต้องไปทบทวนว่า ทำอย่างไรให้คนจนมีปัจจัยสี่ ถ้าบอกว่าใช้เงินหลายหมื่นล้านเพื่อกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง แล้วทราบหรือไม่ว่าในเงิน 15,000 ล้านบาท ที่จะนำไปทำอะไรก็ตาม สามารถสร้างบ้านให้คนจนได้ 24,000 หลัง”

นายจุติ กล่าวต่อว่า วันนี้เราตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปมาก ตนไม่อยากจะหยิบประเด็นขึ้นมา เดี๋ยวจะหาว่าไปจับผิดท่าน ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังให้ไปดูคำแนะนำของธนาคารโลก และให้ทีมเสนาธิการเศรษฐกิจทั้งหลาย กรุณาไปอ่านข้อเสนอแนะของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ และตรงเป้ากับการแก้ไขปัญหามากกว่า

“อยากบอกน้องจุลพันธ์ด้วยความรักว่า อยากให้อยู่นานๆ แต่ต้องทำให้ถูกต้อง ให้ประชาชนมีความสุข และได้ประโยชน์ด้วย สำคัญที่สุดบอกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วยว่า ฟังจิ้งจก ตุ๊กแก และฝ่ายค้านบ้าง”

ขณะที่ นายประสิทธิ์ ปัทมาผดุงศักดิ์ สส.ปทุมธานีสส.พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงนายจุติว่า พูดจาส่อเสียด และด้อยค่าฝ่ายค้าน ว่าเป็นจิ้งจก ตุ๊กแก ถึง 4 รอบ แม้ท่านจะไม่ได้เจตนา แต่อยากให้ถอดคำพูด

นายจุติ จึงอธิบายว่า ตนไม่อยากให้มีปัญหา แต่ถ้าผ่าหัวใจตนได้ จะเห็นว่าตนไม่มีเจตนาแม้แต่นิดเดียว จิ้งจก ตุ๊กแก อาจจะหมายถึงตนก็ได้ ตนให้เกียรติผู้พูดฝ่ายค้าน แต่ตนก็หงุดหงิดแทนท่านว่า เมื่อเวลาเสนอไปแล้ว เขาไม่ได้ยิน เขาไม่ได้ฟัง ตนจึงพูดแทนท่าน ขออภัย และขอถอนคำพูด หากท่านไม่สบายใจ

จากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงว่า รัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรารับฟังจริง และพยายามปรับเปลี่ยนส่วนที่สามารถทำได้ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จากที่ผ่านมาจะพิสูจน์เรื่องการทำงานอย่างหนัก ทั้ง สส. และคณะรัฐมนตรี โดยข้อห่วงใยเรื่องการจัดเก็บกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร เรายืนยันตามเดิม แม้มีการพลาดเป้า แต่ไม่มีนัยสำคัญ เราจะสามารถเก็บได้ตามเป้าปี 67 ส่วนการชี้ว่ากรมศุลกากรมีสัดส่วนการเก็บภาษีลดลง เทียบกับการจัดเก็บโดยรวมของรัฐในช่วง10 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องจริง เพราะกว่า 30% เป็นสินค้ามูลค่าสูง แต่ไม่มีอากร เช่น ทองคำ และการเก็บภาษีศุลกากร เป็นเทรนโลกด้วย เรื่องการเก็บลดลง เกิดจากการเว้นอากรจากการเข้าร่วม FTA การตั้งงบในรายละเอียด มีความจำเป็นเหมาสะสม ทั้งงบประมาณตามโครงการต่าง ๆ การประเมินออนไลน์ ซึ่งมีการดูรายละเอียดจากอนุกรรมธิการ และพิจารณาอย่างรอบคอบ และกระบวนการสุดท้าย จะเปิดอย่างโปร่งใส เพราะฉะนั้น จะมีการแข่งขันกันด้านราคาที่เหมาะสมกับภาครัฐ ยืนยันว่า เราตรวจสอบเข้มงวดอยู่แล้ว

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า กรมสรรพสามิต เรื่องข้อห่วงใยเรื่องการหนุนงบรถอีวี รถไฟฟ้า เป็นเรื่องจริง แต่การแข่งขัน เรื่องเงินสนับสนุนมีการแข่งขันจริง ซึ่งในประเทศอื่น ๆ ของโลกก็ทำกัน เราตั้งเป้าปี 73 จะสร้างฐานการผลิตรถอีวี หรือรถไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมา คนไทยหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน น้ำมัน และแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ ยืนยันว่าจากการทำงานตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เราสามารถโน้มน้าวดึงดูดการลงทุนอีวีเข้ามาในไทยหลายแสนล้านบาท และเราจะพัฒนาต่อไปตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถส่งออกรถไฟฟ้าต่อไปได้ในอนาคต ส่วนงบเครื่องเอ็กซเรย์ที่ตั้งไว้ เป็นงบบำรุงรักษา เพราะรัฐบาลพยายามใช้งบอย่างคุ้มค่า และประหยัด อะไรที่รอได้ ก็จะรอ

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า กรมธนารักษ์ ปัจจุบันมีโครงการธนารักษ์เพื่อราษฎร์ ส่งมอบโฉนดให้ประชาชน ให้มีที่อยู่อาศัย และมีพื้นที่ทำกิน เราจะเดินหน้าส่งมอบที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้ประชาชนเข้าถึงในต้นทุนที่ถูกมาก อัตราค่าเช่าถูก จนอยู่ในระดับต่ำ ยืนยันเดินหน้าต่อไปตามวัตถุประสงค์ของท่านสมาชิก

นายจุลพันธ์ ระบุว่า ขอรับเอาข้อสังเกตุ ข้อห่วงใยไว้ และไปปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ เรื่องธรรมาภิบาลบริษัทตลาดทุนไทย ได้เข้าไปกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ เพื่อดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น เพราะเห็น 4 - 5 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับคนลงทุนในตลาด มีคนหนีไปต่างประเทศ แต่คงเห็นความตั้งใจรัฐบาล ที่ติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยต่อไป และรัฐบาลตั้งใจจริงให้ประชาชนมาเข้าสู่ตลาดทุน วางใจได้ในการลงทุนที่ประเทศไทยต่อไป ย้ำว่ารัฐบาลจริงจัง แม้คำกล่าวว่ายังไม่สามารถดำเนินคดีถึงที่สุดจะจริง แต่เรากำลังดำเนินการอยู่ และเชื่อในกระบวนการยุติธรรมไทยที่จะสามารถดำเนินการได้ ส่วนเรื่องทุนมนุษย์ในการพัฒนาคิดค้นการแข่งขันของประเทศไทยเราได้เริ่มต้นเดือนหน้าแล้ว และจะได้เห็นผลดอกในอนาคตอันใกล้ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงการคลังจะยึดตามการปรับแก้ที่เสนอต่อรัฐสภาต่อไป

สุดท้าย ที่ประชุมลงมติเห็นชอบอย่างเอกฉันท์กับการแก้ไขมาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลัง ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 429 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

และที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบกับการแก้ไขของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 281 เสียง ไม่เห็นชอบ 150 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จุลพันธ์' แจงงบจัดซื้อเครื่องบินของ สลน. ไม่ใช้ในภารกิจการทหาร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ลุกขึ้นชี้แจงเกี่ยวกับความจำเป็นในการจัดซื้อเครื่องบินของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ว่า คณะกรรมาธิการได้ดูในรายละเอียดในชั้นของคณะอนุกรรมธิการ รวมถึงมีการสอบถามในการประชุมของกรรมาธิการค่อนข้างละเอียดแล้ว โ

'จุลพันธ์' สวนฝ่ายค้าน ยันโยกงบ 5 แบงก์รัฐ ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ขัดกฎหมาย

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานกมธ.วิสามัญพิจารณางบฯ68 ชี้แจงมาตรา 6 งบกลาง ว่าในส่วนของบกลางรายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนที่ห่วงในการเปลี่ยนแปลงงบของธนาคารรัฐ 5 แห่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประกาศ

'ศิริกัญญา' ซัดรัฐบาลชักดาบ 5 ธนาคาร 3.5 หมื่นล้าน เข็นดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่รู้จะพอหรือไม่

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย ที่อภิปรายต่อการทำนโยบายเติมเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในส่วนของการปรับลดงบประมาณจาก 5 ธนาคาร รวมเป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น มีความประหลาด เพราะในชั้นอนุกมธ. ไม่มีการปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนที่นำไปชำระหนี้ และเป็นเงินที่ใช้ในส่วนของโครงการค้างเก่า เช่น โครงการจำนำสินค้า