โฆษก กมธ.งบฯ แจงปรับลดงบกว่า 7.8 พันล้านบาท

'โฆษก กมธ.งบฯ' เผยงบกลางพิจารณาครบทุกรายมาตราสมบูรณ์แล้ว ส่วนรายการอุทธรณ์ของหน่วยรับงบประมาณถูกปรับลดในชั้นคณะอนุฯ กว่า 7 พันล้านบาท

22 ส.ค. 2567 - นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เปิดเผยถึงใช้เวลาในการพิจารณาหน่วยรับงบประมาณทั้งสิ้น 35 วัน รวม 289 ชั่วโมง มีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณางบกลาง 12 รายการ 2,979 หน่วยงาน 34 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 100 ซึ่งถือว่าเป็นการพิจารณาครบทุกรายมาตราโดยสมบูรณ์

โดยการพิจารณาที่ผ่านมา หน่วยรับประมาณตามมาตรา 33 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้เวลาในการพิจารณาทั้งสิ้น 4 วัน ถือเป็นมาตราที่มีหน่วยรับงบประมาณมากที่สุด ซึ่งกรรมาธิการส่วนใหญ่ มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะไปในแนวทางเดียวกัน ดังนี้ 1.ในการจัดสรรงบประมาณรายการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีการจัดสรรให้มีลักษณะกระจายทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ 2.ในการจัดสรรงบประมาณควรบริหารงบประมาณเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในรายจ่ายงบลงทุนจำนวน 10 ล้านบาทของเทศบาลตำบล หากเทศบาลตำบลมีงบลงทุนไม่ครบจำนวน 10 ล้านบาท ควรจัดสรรงบประมาณให้ครบจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการในการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และควรบริหารจัดการเงินสะสมของเทศบาลตำบลที่มีจำนวนมากเป็นพิเศษ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในแต่ละพื้นที่ต่อไป

3.กรณีที่เทศบาลตำบลเป็นหน่วยงานที่สามารถจัดทำคำของบประมาณต่อสำนักงบประมาณ ได้โดยตรง หน่วยงานควรมีการจัดทำแผนบูรณาการร่วมกัน เพื่อจัดทำโครงการขนาดใหญ่เพื่อพัฒนา พื้นที่ที่มีความต่อเนื่องในการจัดทำโครงการ หรือเป็นโครงการที่จะสามารถบูรณาการร่วมกันได้ จึงไม่ควรจัดทำคำของบประมาณในลักษณะต่างคนต่างทำ

4.กรณีการประกอบกิจการของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หรือร้านสะดวกซื้อ ที่มีสาขาหรือที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ รายได้ที่เกิดจากการจัดเก็บภาษีประกอบกิจการในพื้นที่ท้องถิ่นทุกประเภทควรกลับมาเป็นรายได้ของท้องถิ่นนั้น ๆ อีกทั้ง ควรมีการส่งเสริมให้ท้องถิ่นสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีการจัดเก็บภาษีและมีรายได้ที่เพียงพอ ทั้งนี้ ต้องดำเนินการควบคู่กับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐให้เพียงพอ เพื่อทำให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง

และ 5.การจัดเก็บภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้าง ปัจจุบันมีการตีความในสิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่ไม่เข้าข่ายเป็นสิ่งปลูกสร้าง เช่น เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในอดีตมีการจัดเก็บภาษีสิ่งปลูกสร้าง แต่ในปัจจุบันท้องถิ่นไม่สามารถจัดเก็บได้ เนื่องจากมีการตีความว่าไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงควรพิจารณาเพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาการตั้งเสาโทรศัพท์ในพื้นที่ของท้องถิ่น เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีบำรุงท้องถิ่นได้

สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมามีหน่วยรับงบประมาณที่ผ่านการพิจารณา ได้แก่ มาตรา 6 งบกลาง 1 รายการ ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของระบบเศรษฐกิจ มาตรา 20 กระทรวงมหาดไทย มาตรา 24 กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานในกำกับ มาตรา 27 ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และ หน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี มาตรา 28 จังหวัดและกลุ่มจังหวัด มาตรา 34 หน่วยงานอื่นของรัฐ มาตรา 35 สภากาชาดไทย มาตรา 37 แผนงานบูรณาการ

นายอนุสรณ์ สรุปภาพรวมในการพิจารณาของทุกหน่วยรับงบประมาณว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้ให้ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ในการบริหารจัดการการงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยรับงบประมาณ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ประโยชน์สาธารณะ และประเทศโดยรวม

จากการประชุมเมื่อวันที่ 19 ส.ค.เป็นการพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการทั้ง 8 คณะ และพิจารณารายการอุทธรณ์ของหน่วยรับงบประมาณที่ถูกปรับลดในชั้นคณะอนุกรรมาธิการ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมาธิการมีมติเห็นชอบปรับลดงบประมาณรวม 7,824,398,500 บาท

นายอนุสรณ์ กล่าวถึงการพิจารณาในวันนี้ว่า เป็นช่วงสุดท้ายของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีวาระการประชุมในการเชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้แปรญัตติมาชี้แจงคำแปรญัตติ และพิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยังมีภารกิจในการพิจารณาหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ไม่รับงบประมาณ การพิจารณาเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเป็นรายมาตรา และจะมีการพิจารณาเห็นชอบกับร่างรายงานของคณะกรรมาธิการก่อนส่งมอบให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ต่อไป ซึ่งกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการจะแล้วเสร็จประมาณต้นสัปดาห์หน้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไวปานกามนิตหนุ่ม! วิสุทธิ์ยันพุธหน้าได้รองประธานสภาคนใหม่แน่

'วิสุทธิ์' ยันพุธหน้าได้รองหนึ่งคนใหม่แน่ บอกต้องมาจากซีก รบ. 100% ขอใจเย็นๆ จะเป็นใคร มอง 'ภราดร' เหมาะสม พร้อมให้กำลังใจ 'อดีตก้าวไกล' ขอให้เข้มแข็ง

สภาฯไฟเขียวดึงงบกลางปี 67 วงเงิน 1.22 แสนล้าน ลุยแจกดิจิทัลวอลเล็ต

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม หลังจาก สส.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวนเงิน 1.22 แสนล้านบาท ครบทั้ง 6 มาตรา ซึ่งถือว่าจบวาระสอง