13 ส.ค.2567 - นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดบ้านวงศ์หนองเตย อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีที่วันที่ 14 สิงหาคม 67 ศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินชี้ขาดนายกรัฐมนตรี โดยนายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนมองว่าการเมืองไทยยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเลยในขณะนี้ เพราะยังเป็นการเมืองที่มันสมยอมกัน เป็นการเมืองสมยอมประโยชน์กัน แล้วทุกอย่างการเมืองตอนนี้ มันเดินมาเหมือนมีนมีพลอตเรื่องไว้ล่วงหน้า เอาว่าความเชื่อของหลายคนมันโยงกับดิวตั้งแต่มาก่อนเลือกตั้ง ไม่อย่างนั้นความอนุรักษ์นิยมไม่มีทางยอมจำนนกับระบอบทักษิณได้ เหมือนกับหักหลังมวลชนทั้งสองฝ่าย หักหลังมวลชนฝ่ายเสื้อเหลือง กปปส. ซึ่งต่อสู้กับระบอบทักษิณ และเหมือนกับคนในระบอบทักษิณหักหลังระบอบมวลชนเสื้อแดงอีกที เพราะไปจับมือกับอนุรักษ์นิยม แล้วก็ภายในพรรคการเมืองด้วยกันเองก็หักหลังกันอยู่ เราเห็นตัวอย่างอย่างพรรคเพื่อไทย หมอชลน่าน หัวหน้าพรรคกระเด็นไม่เหลือเค้าไม่เหลือรูปเลย เพราะฉะนั้นเมื่อมันเดินมาถึงจุดหนึ่ง เหมือนไปตามพลอตก็คือมีการยุบพรรคกับก้าวไกล อย่างหลายคนพูด ซึ่งมันเหมือนทำให้ฝ่ายค้ายมันอ่อนแอลง
ขณะเดียวกันการไปเจรจาต่อรองของพรรคประชาธิปัตย์ พูดกันตรงๆ พรรคประชาธิปัตย์ชุดนี้ปัจจุบันนี้เหมือนรออยู่แล้ว รอมาตั้งแต่ต้น รอมาตั้งแต่โหวตให้นายกเศรษฐาแล้ว เพราะฉะนั้นมันเหมือนไม่มีใครตั้งใจที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างจริงๆ จัง เลยในสภาขณะนี้ ประชาชนเหมือนไม่มีตัวแทน ส่วนนักการเมืองที่อยู่ในสภาในตอนนี้ก็คือจับมือกันสมประโยชน์และไปเป็นรัฐบาล ปัญหาในตอนนี้ก็คือหักหลังกันเอง เท่านั้นเอง ทีนี้วันพรุ่งนี้ก็มีคนบอกว่ามัน 50:50 สมมติว่าคุณเศรษฐาต้องหลุดจากนายกรัฐมนตรีไปจะอย่างไรเสียงรัฐบาลเสียงข้างมากก็ยังคุมเสียงกันได้อยู่ดี ก็เลือกคนใหม่ขึ้นมาได้ และถึงจะอยู่ต่อมันก็ค่าเท่ากันเพราะว่าฝ่ายค้านถูกทำให้อ่อนแอลง เพราะปัญหาในขณะนี้เรื่องใหญ่ของบ้านเมืองก็คือการเมืองสมประโยชน์แบบนี้ประชาชนเสียผลประโยชน์เต็มๆ
เอาง่าย ๆ ในขณะนี้เอาเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ไม่มียุคใหนที่เราได้ยินข่าวเรื่องโรงงานปิดตัวเอง คนงานต้องถูกเลิกจ้าง เราไม่เคยได้ยินการย้ายฐานการผลิตที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน และคนระดับล่างไม่มีกำลังซื้อ มันมีปัญหามากมายในขณะนี้ดูตลาดแถวบ้านตนเอง ตลาดร้านค้าทยอยกันปิด แต่ร้านที่เปิดมากคือร้านกู้เงินด่วน มากันทุกยี่ห้อทุกบริษัทเปิดเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นการเมืองแบบสมประโยชน์แบบนี้แล้วทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอลง มันก็เหมือนหลายคนที่วิจารณ์ว่า เอะ! เหมือนมีพลอตกันเลย พอเป็นแบบนี้ปั๊บอนุรักษ์นิยมก็จับมือกับระบอบทักษิณ แต่ว่าประชาชนกับกลายเป็นคนที่เสียประโยชน์
ฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่จริงๆจัง ๆ แทนประชาชนก็ไม่มี ในความรู้สึกตนเอง ตนรู้สึกวังเวงมาก ในฐานะที่ตนเองเป็นประชาชนเต็มตัวแล้ว เราไม่รู้ว่าการเมืองแบบนี้จะเดินไปจบตรงไหน รู้แต่ว่าการเมืองไม่ทันจบ ประชาชนอาจจะจบเสียก่อน เพราะสู้ไม่ได้ เพราะสู้ไม่ไหว ตลาดรถมือสองตายหมด ตลาดของขายที่มันเป็นผู้ประกอบการไทยก็ไปเจอผู้ประกอบการจีนเข้าไปอีก รัฐบาลก็ไม่ขยับไม่ทำอะไร นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน เหมือนกับการเมืองมุ่งแต่จะอยู่ในตำแหน่งอำนาจแล้วก็โฟกัสไปตรงนั้น โดยที่ลืมไปว่าปัญหาที่แท้จริงของประชาชนคือปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำคนไม่มีเงินไม่มีกำลังซื้อ ไม่มีการมาโฟกัสจุดนี้เลย นี่คือความรู้สึกวังเวงมากในฐานะประชาชน
เมื่อถามถึงในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่ครึ่งหนึ่งเข้าร่วมรัฐบาลอีกครึ่งไม่เข้าร่วมรัฐบาลจะมีผลกระทบต่อพรรคหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเอาที่ส่งผลต่อการเมืองก่อนดีกว่า ตนมองว่าการเมืองมันก็สนุกกันเองภายในพรรค แย่งกันเอง คนโน้นอยากเป็นคนนี้อยากเป็น ก๊วนใครใหญ่กว่าก็ได้ก๊วนคนนั้นไป แต่ปรับไปปรับมาตนไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นกับบ้านเมืองกับประชาชน
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ถ้าเกิดเป็นไปอย่างข่าวจริง ครึ่งหนึ่งไปร่วม อีกส่วนหนึ่งไม่ร่วม ตนเอาเข้าจริงนะส่วนที่ไปร่วมจะเยอะกว่าที่ไม่ร่วม ส่วนที่ไม่ร่วมเผลอ ๆ เหลืออยู่ 5 คน ปัญหานี้ตนมองว่าไม่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น อาจทำให้นักการเมืองบางคนสมประโยชน์ได้เป็นรัฐบาลได้เป็นรัฐมนตรีมีหน้ามีตามีตำแหน่ง แต่ว่าในทางกลับกันตนว่าพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์จะตกต่ำมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ไปอีก
ด้วยความเคารพ ตนเป็นอดีตสมาชิกพรรคที่ลาออกมาแล้ว แต่ก็ยังรักและเป็นห่วงพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม ตนได้เจอประชาชนในภาคใต้ทั่วไป ตนไปงานแต่งงานที่พังงามา คนที่เขารักศรัทธาพรรคยังมี เขาไม่มีหวัง ยิ่งถ้าพรรคเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งวังเวงหนักขึ้นไปอีก ในฐานะที่เป็นประชาชนหลายคนบอกว่าไม่รู้จะเลือกใครแล้วต่อไปถ้าการเมืองเป็นแบบนี้ ซึ่งตนมองว่าภาวะบ้านเมืองมันวังเวงมาก ๆ
ตนมองว่าอุดมณ์การพรรคยังอยู่ แต่คนในพรรคนั้นเปลี่ยน อุดมณ์การไม่มีชีวิต อุดมณืการเป็นสิ่งที่พรรคประกาศและคนต้องยึดมั่นศรัทธา ต้องทำตามอุดมณ์การ อุดมณ์การพรรคยังอยู่เต็มเปี่ยม แต่คนในพรรคจำนวนมากเปลี่ยนไม่ได้ทำตามอุดมณ์การพรรค ในส่วนที่หลายคนมอว่าถ้าจะให้พรรคประชาธิปัตย์ฟื้นต้องให้ท่านอภิสิทธิ์เข้ามาบริหารพรรคนั้น อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวท่านตนเองไม่ก้าวล่วง คือพรรคประชาธิปัตย์จะให้กลับมาได้มันต้องประกาศจุดยืนตัวเองให้ชัดก่อน
ในอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์อยู่มาได้เพราะมันมีจุดยืนที่ชัดเจน คุณไม่เป็นรัฐบาล คุณต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่พรรคประชาธิปัตย์ในอดีตไม่เคยที่กางขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลโดยที่ไม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่เคยครั้งใหนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านแล้วไปยกมือให้นายกของรัฐบาล มันเปลี่ยนไปการเมือง แต่ว่าตนเองออกมาแล้วก็ต้องปล่อยวาง มันก็เป็นหน้าที่ของผู้บริหารพรรครุ่นใหม่เขาต้องทำไป ส่วนเขาทำไปได้แค่ใหนก็แล้วแต่ ส่วนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ฝ่ายค้านอาชีพนั้น ตนมองว่าอย่าไปวิจารณ์เขาก็แล้วกัน ให้เขาทำหน้าที่ของเขาไปให้เต็มที่ แต่ว่าการวิพากวิจารณ์แบบประชาชนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอ
มองอย่างไรกับพรรคประชาชนที่เกิดขึ้นหลังจากก้าวไกล ตนยังคิดว่าในสายตาตนเองนั้น ตนคิดว่าคนกลุ่มใหญ่ในพรรคการเมืองอย่างก้าวไกลที่ถูกยุบไปมีความตั้งใจดีกับบ้านเมือง และคนกลุ่มนี้มีความคิดความอ่านที่ตรงจุดกับปัญหาในสังคมไทยเราหลาย ๆ เรื่อง อาจจะไม่ทุกเรื่อง ตนเองก็ยังเชื่อว่าถ้าคนกลุ่มนี้ยังสามารถรักษาแนวคิดอุดมการณ์ รักษาไฟในการทำงานไว้ได้ ตนมองว่าพรรคประชาชนก็เป็นพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนพรรคหนึ่งเหมือนกันในอนาคต
ถ้าผู้บริหารพรรคชุดใหม่ก็ดีหรือคนที่มีบทบาทในพรรคก็ดียังยึดมั่นอยู่ในแนวทางของคนรุ่นใหม่ที่อยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น ตนไม่ได้เห็นด้วยทุกเรื่องกับคนที่ทำพรรคก้าวไกลหรืออนาคตใหม่ แต่ตนกลับเชื่อว่า คนจำนวนมากในกลุ่มนี้ตั้งใจทำเพื่อบ้านเมืองและหลายคนไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในฐานะที่เป็นคนมีตำแหน่งมีอำนาจมาก่อน โดยส่วนตัวลึก ๆ ตนอยากเห็นคนกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะได้ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะฝ่ายบริหารประเทศด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ตนมองว่าคนไทยเป็นคนขี้สงสาร พรรคใหนที่โดนยุบ อดีตโดนไปเยอะ อย่างพรรคไทยรักไทยถูกยุบครั้งหนึ่ง พรรคพลังประชาชนถูกยุบ ในข้อเท็จจริงเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ในความรู้สึกของคนที่เชียร์ที่รักจะอย่างไรก็ยังรักยังเชียร์ ยังยืนหยัดอยู่ในอุดมการณ์ของตนเองดังเดิม พรรคก้าวไกลก็เหมือนกัน ตอนที่ยุบพรรคอนาคตใหม่คนก็คิดว่าน่าจะไปไม่ได้แล้ว แต่ปรากฏพอมาเป็นก้าวไกล ส.ส.เยอะกว่าพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันอีก เมื่อยุบพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคประชาชน ถ้าเอาสมการเดิมมาคิดคนที่ศรัทธาเขาก็ยังเหนียวแน่น
ถ้าได้คนอีกส่วนหนึ่งที่ได้มีความเสื่อมศรัทธากับพรรคการเมืองที่มัวแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอยาดได้อำนาจอยากเป็นรัฐมนตรี อยากเป็นผู้บริหารประเทศ โดยที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในสภาแทนประชาชนได้ดี ตนมองว่าคะแนนเสียงของพรรคประชาชนน่าจะได้รับการสนับสนุนที่ดี ในกรณีที่ต่างชาติออกมาไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกลนั้น อันนี้ตนมองว่ามันเป็นเรื่องภายในประเทศจริง ๆ ส่วนต่างประเทศจะวิพากวิจารณ์อย่างไรถ้าเป็นเชิงวิชาการก็รับได้ ตนมีความรู้สึกว่ามันล้ำเส้นไปหน่อยเพราะคนไทยคิดเป็นไม่ต้องมาคิดแทน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จตุพร' ตอกย้ำศาลรธน.รับคำร้องคดีล้มล้าง เพื่อหยุดอหังการอำนาจ เริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง
ลุ้นศาล รธน.พิจารณาคำร้อง 'จตุพร' เชื่อรับไว้วินิจฉัยเพื่อหยุดอหังการอำนาจ ลั่นจะเริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง เปิดความหวังประเทศก้าวเดินสู่ผลประโยชน์ชาติ
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476
'อนุทิน' เช็กสัญญาณ ครม.อิ๊งค์ ปมศาลรธน.นัดถกรับ-ไม่รับคำร้อง คดีทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง
ที่ด่านพรมแดนบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นายอนุชิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่ในวันพรุ่งนี้(22 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้อง
'ชูศักดิ์' บอกรู้ตั้งแต่เห็นคำร้อง 'ธีรยุทธ' ไปไม่ได้ เหตุไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างปกครอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา