'อนาคตไกล' ฟาด 'ณัฐพงษ์' เพ้อฝันตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แค่ประโคมข่าวรับบริจาคเงิน

“อนาคตไกล” ฟาด “ณัฐพงค์” หัวหน้าพรรคประชาชน เพ้อฝัน ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวปี 2570 กลอุบาย ประโคมข่าวรับสมัครสมาชิกและเงินสนับสนุน ถามว่า เงินบริจาคมาจากใครกันแน่

10 ส.ค.2567 - ที่พรรคอนาคตไกล นายภวัต เชี่ยวชาญเรือ กล่าวถึง นายณัฐพงค์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าประชาชน ที่ประกาศว่าเลือกตั้ง 2570 จะต้องรัฐบาลพรรคเดียว ว่าเป็นเรื่องปกติของการปลุกใจผู้สนับสนุนของผู้นำทางการเมืองให้ฮึกเหิมเท่านั้น ไม่มีผลต่อสนามเลือกตั้งแต่อย่างใด เพราะเป็นการแข่งขัน ทุกพรรคการเมืองต้องใช้ยุทธศาสตร์เพื่อเอาชนะในเขตเลือกตั้ง โดยในปี 2570 บริบททางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปจากปี 2566 แน่นอน

นายภวัต กล่าวต่อว่าไม่ว่าจะเป็นปัญหาภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาการเมืองภายใน โดยเฉพาะการออกแบบรัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้งผสม บัตรเลือกตั้งสองใบ สูตรหาร 100 ไม่มีทางที่พรรคประชาชนจะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว เหมือนกับปี 2548 ตัวแปรที่พรรคการเมืองอื่นควบรวมกับพรรคไทยรักไทย ได้จำนวน 377 เสียง พรรคไทยรักไทย ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แต่หากการออกแบบรัฐธรรมนูญปัจจุบัน โอกาสเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ยาก

โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวว่าหากย้อนไปดูสถิติการเมืองท้องถิ่น อบจ.ล่าสุด 3 แห่ง พระนครศรีอยุธยา ชัยนาทและพะเยา เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า นอมินีพรรคก้าวไกลแพ้ราบคาบทุกจังหวัด ความนิยมลดลง เสื่อมลงเพราะทำตัวเอง ประชาชนขาดศรัทธา เชื่อว่าในปี 2570 ตนฟันธงพรรคประชาชนได้ไม่เกิน 110 เสียง อย่างแน่นอน

"ที่จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เป็นเรื่องเพ้อฝัน ฝันกลางวัน เพราะพรรคประชาชนจะต้องเจอศึกหนักรอบด้าน ในระบบเลือกตั้งบัตรสองใบ โดยเฉพาะพรรคอนาคตไกล ส่งผู้สมัครคนรุ่นใหม่ ท้าชนทุกเขตเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ในสมการคณิตศาสตร์ทางการเมือง โดยเฉพาะหากยังสืบสานอุดมการณ์ล้มล้างการปกครองแก้ไข มาตรา 112 ไม่ลดเพดานลง กระแสจะตีกลับ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประกอบหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย จะไปเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐให้เป็นสาธารณรัฐไม่ได้"

นายภวัต กล่าวอีกว่าพรรคประชาน ต้องถอดบทเรียนการยุบพรรคก้าวไกล เป็นจุดอ่อน เพราะสังคมรับไม่ได้กับกระแสแก้ไขมาตรา 112 จึงอย่าทนงตนเกินไป ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มที่จัดตั้งและทุนบริจาคพรรคเท่านั้น และการรับสมัครสมาชิกว่าคึกคัก ประชาชนยังให้สนับสนุนอยู่ เป็นเพียงกลอุบายเพื่อให้สื่อมวลชนประโคมเท่า แต่ความจริงเป็นเพียงประชาชนบางส่วนกลุ่มเล็กๆของประเทศเท่านั้น ไม่ใช่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

"ประชาชนทางบ้านเขาฝากถามมาว่า ที่ปล่อยประโคมข่าวรับสมัครสมาชิกจำนวนมากในวันเดียว และเงินสนับสนุนเกือบ 20 ล้าน ถามว่า เงินบริจาคมาจากแหล่งใด ใครบริจาคกันแน่ มาจากแหล่งการเงินจากตึกไทยซัมมิทหรือไม่ อย่างไร" โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าว

นายภวัต ยังกล่าวถึงกรณีสังคมโซเชียล์ เป็นห่วงว่าพรรคประชาชน จะใช้คำว่า "ประชาชน" ไปแอบอ้างดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งว่าตนเห็นชาวเน็ต แต่ไม่มีประเด็นอะไร เพราะชื่อพรรคการเมือง หากไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ สามารถตั้งได้ โดยเฉพาะพรรคประชาชน เกิดขึ้นตาม พรบ.พรรคการเมือง พ.ศ.2498 ซึ่งมีผู้นำไปจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองครั้งแรก เหมือนคำว่า พรรคก้าวหน้า ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้นำมาใช้ แต่ไม่ได้จดทะเบียนพรรคการเมือง เป็นการใช้ในนามคณะบุคคล ก็ลอกจากพรรคการเมืองในอดีต

ทั้งนี้ในอดีตพรรคประชาชนถูกยุบมาหลายครั้ง และครั้งล่าสุดในปี 2541 ซึ่ง พรป.พรรคการเมือง มาตรา 10 วรรคสอง ห้ามใช้ชื่อพรรคการเมืองที่เคยถูกยุบพรรคไม่เกิน 20 ปี หมายความว่า จาก 2541 นับถึงปี 2567 ถือว่าใช้ชื่อพรรคนี้ได้ ส่วนกระบวนการอื่น ต้องดูว่า การประชุมถูกต้องหรือไม่ ด้วยเพราะกฎหมายกำหนดไม่น้อยกว่า 250 คนขึ้นไปเพื่อเข้าร่วมประชุมเพื่อเลือกตั้ง กก.บห.แก้ไขชื่อ โลโก้พรรค ประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง

โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ประชาชนถกเถียงกัน กรณีพรรคประชาชนส่งผู้สมัคร สส.เขต 1 จังหวัดพิษณุโลกแทน หมออ๋อง ได้หรือไม่ เพราะตามมาตรา 97 วรรคหนี่ง (3) ให้ผู้สมัครสังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง มีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง หากยุบสภาจาก 90 วัน ลดลงเหลือ 30 วัน

จึงต้องดูว่า ผู้สมัครในนามพรรคประชาชนได้เป็นสมาชิกพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลมาก่อนจริงหรือไม่ ต้องเป็นหน้าที่กกต.ที่จะตรวจสอบให้ละเอียด แต่ก็ต้องะวังวิชามารตรงที่ ใส่ชื่อย้อนหลังและนายทะเบียนสมาชิกพรรค รับสมัครเป็นสมาชิกย้อนหลังโดยลงเฉพาะสมุดคุมทะเบียนพรรค โดยอ้างยังไม่รายงาน กกต. เพราะนายทะเบียนสมาชิกพรรคมีหน้าที่อัพเดตสมาชิกพรรค 3 เดือนต่อครั้งกับ กกต. ใช้วิชามารตรงนี้หรือไม่