กมธ.นิรโทษ สรุปรายงานส่งสภาฯ พร้อมความเห็นในคดีอ่อนไหวมี 3 แนวทาง

1 ส.ค.2567 - ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แถลงผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ก่อนเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

โดยนายนิกร กล่าวว่า ในรายงานจะมีรายละเอียดการดําเนินงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งสามารถสรุปผลการพิจารณาศึกษา และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ได้ดังนี้ ในส่วนผลการพิจารณาศึกษา 1.ช่วงเวลาในการนิรโทษกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 ถึงปัจจุบัน

2.ประเด็นคดีที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม ทั้งคดีหลัก คดีรอง และคดีที่มีความอ่อนไหว ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากความขัดแย้งครอบคลุมช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน ทําให้มีข้อมูลสถิติคดีที่ต้องนํามาพิจารณาจํานวนมาก เพื่อประโยชน์ในการอํานวยความยุติธรรมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จึงเห็นว่า ควรจําแนกคดีออกเป็น คดีหลัก คดีรอง และคดีที่มีความอ่อนไหว

ทั้งนี้ คดีหลักคือคดีที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยตรง เป็นการกระทําที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง คดีรองคือคดีที่พ่วงมากับคดีหลัก หรือคดีที่มีความผิดลหุโทษ อย่างไรก็ดี การพิจารณาคดีรองต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นการกระทําที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ ส่วนคดีที่มีความอ่อนไหว คือ คดีที่ยังเป็นข้อขัดแย้งถกเถียงในสังคมอยู่

3.รูปแบบและกระบวนการในการนิรโทษกรรม หรือการนิรโทษกรรมโดยใช้รูปแบบผสมผสาน

4.ควรกําหนดนิยามของคําว่า 'การกระทําที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง' ซึ่งหมายความว่า การกระทําที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใด อย่างหนึ่งในช่วเวลาที่ความขัดแย้งหรือความไม่สงบทางการเมือง

5.ควรกําหนดขอบเขตของการนิรโทษกรรม

6.ข้อดี ข้อเสียการนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมในคดีหลัก คดีรอง และคดีที่มีความอ่อนไหว

7.ความเห็นของกรรมาธิการเกี่ยวกับคดีที่มีความอ่อนไหว ในส่วนความผิดตามมาตรา 110 และ มาตรา 112 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาในประเด็นการนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมผู้กระทําความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 ซึ่งคือความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์

อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯ ได้มีการแสดงความเห็นออกเป็น 3 แนวทาง ดังนี้ แนวทางที่ 1 ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหว

แนวทางที่ 2 เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหวโดยมีเงื่อนไข ซึ่งกรรมาธิการฯ ที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ได้เสนอเงื่อนไขในการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของกรรมาธิการฯ และที่ปรึกษาประจําคณะกรรมาธิการฯ ที่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหวโดยมีเงื่อนไขด้วย

แนวทางที่ 3 เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหวโดยไม่มีเงื่อนไข

8.การอำนวยความยุติธรรมโดยกลไกตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจบัน

9.บัญชีท้ายร่างพระราชบัญญัติ ระบุ ความผิดตามกฎหมาย 25 ฉบับ โดยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 14 ฐานความผิด จํานวน 58 มาตรา

สำหรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ มีดังต่อไปนี้ 1.คณะรัฐมนตรีควรพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อนําไปเป็นแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งออกนโยบาย มาตรการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม และแจ้งผลของการพิจารณาหรือการปฏิบัติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มายังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งผลดังกล่าวไปยังคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะเพื่อติดตามผลการปฏิบัติตามมติของสภาต่อไป

2.ข้อมูลสถิติคดีจากหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะบางประการของกลุ่มชุมนุม ทําให้สามารถนําข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาได้ว่า คดีใดเป็นคดีที่เป็นการกระทําที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง และข้อมูลที่ควรใช้เป็นหลักในการพิจารณา คือ ข้อมูลของสํานักงานศาลยุติธรรม เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีการรวบรวมสถิติไว้อย่างเป็นระบบ มีความชัดเจนพอสมควร และได้มีการฟ้องร้องเป็นคดีแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังสมควรต้องสืบค้นจํานวนผู้กระทําความผิด ในแต่ละฐานความผิตมาประกอบการพิจารณาด้วย

3.ฐานความผิดนั้นมีความยึดโยงกับการนิรโทษกรรมอย่างมีนัยสําคัญ กล่าวคือ ฐานความผิดนั้นสามารถเป็นกรอบในการพิจารณาว่า ฐานความผิดใดที่มีผลสืบเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งจะเป็นแนวทางในการพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรม หรือการดําเนินการอื่นใด และประเด็นฐานความผิดเกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 นั้น ยังคงเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวอยู่

4.แม้โดยหลักการเห็นว่าไม่ควรนิรโทษกรรมผู้กระทําความผิดตามมาตรา 288 และมาตรา 289 แต่อย่างไรก็ดี มีการแสดงข้อกังวลว่า การจะนิรโทษกรรมคดีใด ไม่ควรพิจารณาจากข้อหาเพียงอย่างเดียว เพราะอาจมีคดีที่ผ่านกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ปกติ หรือถูกกลั่นแกล้งว่ากระทําความผิดตามมาตราดังกล่าว กล่าวคือ ผู้ถูกดําเนินคดีไม่มีเจตนา ไม่ได้กระทําผิด หรือไม่มีผู้เสียชีวิตจริง ในกรณีนี้ควรให้มีการสืบพยานเพื่อให้ทราบว่า ผู้ถูกคําเนินคดีเป็นผู้กระทําความผิดจริงหรือไม่ ถ้าผู้ถูกดําเนินคดีไม่ได้เป็นผู้กระทําความผิด ก็ควรให้สิทธิเข้าสู่ กระบวนการติจารณาของคณะกรรมการนิรโทษกรรมเพื่อเป็นช่องทารหนี่งในการอ่านวยความยุติธรม

5.สภาผู้แทนราษฎรควรมีข้อสังเกตไปยังคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร ว่าในระหว่างที่ยังไม่มีการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะได้กำหนดนโยบายให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ดําเนินการตามกลไกของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อเป็นการอํานวย ความยุติธรมตามแนวทางที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เสนอ

6.การกําหนดให้ผู้ได้รับนิรโทษกรรมได้รับสิทธิที่ต้องสูญเสียไปโดยผลของคําพิพากษากลับคืนมา สามารถกระทําได้โดยต้องกําหนดไว้ในกฎหมายอย่างชัดแจ้งว่า จะคืนสิทธิใดบ้าง และเมื่อการนิรโทษกรรมที่จะเกิดขึ้นนี้ มุ่งหมายในการคลี่คลายประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้น จึงควรคืนสิทธิทางการเมืองให้กับผู้ที่ได้รับนิรโทษกรรม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กมธ.ฯ ปรับไทม์ไลน์วันออกเสียงประชามติ พร้อมเลือกตั้ง หลัง 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน

กมธ.ประชามติ ปรับเนื้อหา ขีดไทม์ไลน์วันออกเสียง พร้อมวันเลือกตั้ง ตั้งเงื่อนไข ไม่เร็วกว่า60วันไม่ช้ากว่า150วัน พบ ‘อนุทิน’ ชงแปรญัตติ เพิ่มเกณฑ์ 1ใน4 ขอคนมาใช้สิทธิ เป็นเงื่อนไขผ่านประชามติ

กมธ.นิรโทษกรรม ประชุมวันสุดท้าย สรุป 3 ความเห็นล้างผิดคดี 112 ให้สภาพิจารณา

นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายนิกร จำนง เลขานุการกมธ. และนายสมคิด เชื้อคง

ขนลุกซู่! 'สามนิ้ว' บุกสภาฯ ร้องกมธ.นิรโทษฯ รวมคดี ม.112 ขู่ไปคุยบนถนน

เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน นำโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ หรือ ทนายเมย์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนผู้ถูกดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

'อังคณา' จี้กมธ.นิรโทษ ใช้ความกล้าหาญบอกสังคม เอาหรือไม่เอาล้างผิดคดี 112

นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงความขัดแย้งภายในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม กรณีรวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่

'กมธ.นิรโทษ' เสียงแตก 3 ทาง คดี 112 สรุปไม่ลงมติแค่ส่งความเห็น

'นิกร' เผย 'กมธ.นิรโทษ' เสียงแตก คดีมาตรา 112 กับ 110 ให้กรรมาธิการแสดงความเห็นรายคนไม่ลงมติ คาด ปิดจบทำรายงานทันภายในสิ้นเดือน

'ชทพ.' ย้ำจุดยืนนิรโทษกรรม ไม่คลุม 3 เรื่อง เชื่อ สุดท้ายไปทิศทางเดียวกัน

'วราวุธ' ย้ำจุดยืนนิรโทษกรรม ไม่คลุม ม.112-อาญาร้ายแรง-คดีทุจริต ระบุ หากพท. จะเอา ค่อยพิจารณาอีกที แต่เชื่อ สุดท้ายไปทิศทางเดียวกัน