ตามคาด เพื่อไทยโผล่อยู่ฝั่งนิรโทษฯ 112 แบบมีเงื่อนไข 'เชิดชัย-สมคิด' อ้างปีมหามงคล แต่ 'นพดล อดีตทนายทักษิณ' ค้านสุดตัว 'ก้าวไกล'เสียงแตก 'ทนายแจม' หนุนล้างผิดแบบไม่มีเงื่อนไข สวนทาง 'ชัยธวัช-โรม'
31 ก.ค.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า หลังมีข่าวว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล จากพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน จะส่งรายงานผลการศึกษาฯ ของ กมธ. ต่อประธานสภาฯภายในสัปดาห์นี้ โดยมีการเปิดเผยจากนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จากพรรครวมไทยสร้างชาติที่เปิดเผยว่า กมธ.ใช้วิธีบันทึกความเห็นอย่างมีอิสระ ไม่มีการโหวต โดยผลความเห็นล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2567 ต่อเรื่อง การนิรโทษกรรม คดี 112 คือ ไม่นิรโทษกรรม 112 จำนวน 13 เสียง, นิรโทษกรรม 112 จำนวน 3 เสียง และนิรโทษกรรม 112 แบบห้ามกระทำผิดซ้ำ จำนวน 12 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เพื่อดูบันทึกความเห็นของ กมธ. โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทย พรรคแกนนำรัฐบาล ว่ามีท่าทีอย่างไรต่อการนิรโทษกรรมคดี 112 หลังปัจจุบันนายทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นจำเลยคดี 112 ที่ศาลอาญา
พบว่า ในส่วนของแนวทางที่ 1 ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหวคือคดีมาตรา 110 และ 112 ปรากฏว่า นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการและที่ปรึกษา กมธ.ที่เคยเป็นอดีตทนายความให้กับนายทักษิณ สมัยหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ให้ความเห็นว่า “ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเป็นเรื่องความมั่นคง”
ขณะที่แนวทางที่ 2 เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหวโดยมีเงื่อนไข มีคนจากพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว 2 คนคือ นายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและอดีตแนวร่วมเสื้อแดงภาคอีสาน ในฐานะ กมธ. ซึ่ง นพ.เชิดชัยให้ความเห็นว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีความเห็นตรงกันว่า ต้องมี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผู้กระทำความผิดในคดีอาญาซึ่งไม่ใช่คดีแพ่ง โดยจำแนกการกระทำเป็นคดีหลัก คดีรอง และคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง โดยใช้วิธีการนิรโทษกรรมแบบผสมผสาน ให้มีการนิรโทษกรรมคดีความผิดที่ชัดเจนแบบอัตโนมัติและให้มีคณะกรรมการนิรโทษกรรมพิจารณาวินิจฉัยคดีที่มีการอุทธรณ์ และคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจากการสอบถามผู้ที่จะก่อเหตุประท้วงก็เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมลักษณะเช่นนี้ จึงควรหาแนวทางที่จะทำให้เยาวชนที่ถูกดำเนินคดีกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ อีกทั้งเมื่อการ ดำเนินคดีกับเยาวชนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนก็ต้องเปิดโอกาสให้มีการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดที่เป็นเยาวชน
“การนิรโทษกรรมผู้กระทำ ความผิดตามมาตรานี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างมาตรา 112 รวมถึงในช่วงนี้เป็นเวลา ที่เหมาะสมที่จะมีการนิรโทษกรรม จึงขอยืนยังความเห็นเดิมว่าให้มีการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิด ตามมาตรานี้แบบมีเงื่อนไขตามรูปแบบที่เสนอ และยืนยันให้ใช้คำว่า “คดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง” ซึ่งจะรวมถึงคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย แต่การจะกำหนดเงื่อนไขในการ นิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามมาตรานี้อย่างไร ควรพิจารณาจากการกระทำความผิดเป็นรายบุคคล นอกจากนี้ ปี 2567 เป็นปีมหามงคลจึงเหมาะสมที่จะให้มีการนิรโทษกรรมในปีนี้ เพื่อให้เกิดความสงบ ในประเทศไทยซึ่งอาจจะเปลี่ยนมุมมองของเยาวชนบางส่วนได้”
และอีกคนหนึ่งคือ นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี เพื่อไทย รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และเคยเป็นแกนนำ สส.เพื่อไทยปี 2556 ในการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เรียกกันว่านิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ให้ความเห็นไว้ว่า ควรมีการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แบบมีเงื่อนไข เพราะผู้ที่ถูกดำเนินคดีในแต่ละคดีอาจกระทำความผิดแตกต่างกัน บางคดีเป็นการจงใจ กระทำความผิด และบางคดีไม่ใช่การจงใจกระทำความผิด จึงสามารถแยกนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิด ในคดีเหล่านั้นแบบมีเงื่อนไขได้
ขณะที่ในส่วนของ กมธ.จากพรรคก้าวไกลเอง โดยเฉพาะที่เป็น สส. ตรวจสอบแล้วพบว่า มีความคิดเห็นที่ต่างกันอยู่เช่นกัน โดยในกลุ่มกมธ.ที่เห็นด้วยกับการให้นิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหว (มาตรา 110 และ 112) มีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคกับนายรังสิมันต์ โรม เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข เช่นนายชัยธวัชให้ความเห็นว่า การนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขโดยกำหนดเงื่อนไขและมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำที่เหมาะสม เช่น การไม่กระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลาที่กำหนดสามปีหรือห้าปี โดยระบุตอนหนึ่งว่า
“การนิรโทษกรรมจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน และจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ไม่ได้เป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับองค์พระมหากษัตริย์หรือสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง แต่มีความเห็นทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น การนิรโทษกรรมจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งในปัจจุบัน และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพิ่มความศรัทธาใน เรื่องสถานะความเป็นกลางทางการเมืองของสถาบันพระมหากษัตริย์ และลดเงื่อนไขที่จะนำเอาประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง”
ส่วน ส.ส.-กมธ.จากพรรคก้าวไกลที่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหว อย่างคดี 112 โดยไม่มีเงื่อนไข คือ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. หรือทนายแจม อดีตทนายความคดี 112 ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดิ้นทุกทาง!บอกประชามติเป็น กม.การเงินไม่ต้องรอ 180 วัน
'ชูศักดิ์' งัด รธน. มาตรา 137 อ้างกฎหมายประชามติเข้าข่ายกฎหมายการเงิน ไม่ต้องรอ 180 วัน จ่อถกวิปรัฐบาล เชื่อฝ่ายค้านเอาด้วย
นพดลย้ำMOU44ข้อดีอื้อ หมอวรงค์ข้องใจบิ๊กอ้วน!
“นพดล” ยัน MOU 44 ไม่ได้ยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา
ชูศักดิ์เปรียบ 'ทักษิณ' เหมือน 'ณัฐวุฒิ' ขึ้นเวทีช่วยหาเสียงได้!
'ชูศักดิ์' รับให้ปากคำอัยการเพิ่มเติมคดีล้มล้างการปกครอง ระบุมั่นใจ 'แม้ว' ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียงไม่ผิด เหตุ ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติ บอก พท.มีคนประเภทนี้มาก เพราะถูกกระทำมาเยอะ
'ชูศักดิ์' มึนประชามติชั้นครึ่งกัดฟันบอกเพื่อไทยดันรัฐธรรมนูญเต็มที่แต่ได้แค่ไหนไม่รู้
'ชูศักดิ์' ชี้สูตรประชามติชั้นครึ่งของ 'นิกร' ไม่ต่างอะไรจากเดิม ถ้าชั้นแรกไม่ผ่านก็จบ ย้ำ พท.มุ่งมั่นจะทำรธน.ฉบับใหม่ ออกตัว ผลักดันได้แค่ไหน ค่อยว่ากันอีกที
นิรโทษฯยังไม่ปิดประตู
"ชูศักดิ์" ยันรายงาน กมธ.ยังอยู่ เปิดทางองค์กรใดเห็นว่าเป็นประโยชน์สามารถไปศึกษาได้
'เพื่อไทย' แถบอกรายงานนิรโทษกรรมแค่การศึกษาหากแก้ 112 จริงไม่ยอมแน่
'พท.' จ่อเห็นชอบรายงาน-ข้อสังเกตนิรโทษกรรม บอก แต่ละพรรคโหวตอย่างไร เป็นเอกสิทธิ์ ด้าน 'นพดล' ย้ำ ไม่มีความคิดนิรโทษความผิดม.110 และ 112