22 มิ.ย. 2567 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า นายกฯเศรษฐา ต้องอดทน อย่ารำคาญเสียงวิจารณ์
เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดถึงเสียงวิจารณ์การลงพื้นที่ได้ปริมาณ แต่ไม่ได้คุณภาพว่า ถ้าไม่ลงพื้นที่ก็ไม่ทราบปัญหา มองเป็นเรื่องการเมือง ไม่เอามารกหู ยอมรับรำคาญบ้าง ได้ใช้เวลาวันหยุดไม่เสียเวลาบริหารราชการแผ่นดินแล้วนััน
ผมไม่อยากให้นายเศรษฐาหงุดหงิด หรือมีอารมณ์กับคำวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม เพราะการเป็นนักการเมือง คือบุคคลสาธารณะ พร้อมถูกตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์และตำหนิติเตียนได้ ต้องอดทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเข้าใจว่านายเศรษฐา เป็นนักธุรกิจ เติบโตมาจากภาคเอกชน เป็นซีอีโอของบริษัท สามารถสั่งการให้ลูกน้องที่เป็นพนักงานบริษัท ทำตามคำสั่งได้ทุกอย่าง และไม่มีพนักงานคนใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์ซีอีโอของบริษัท ซึ่งนายเศรษฐาอาจจะเคยชินกับการทำงานในลักษณะเช่นนี้
แต่เมื่อเข้ามาเป็นนักการเมืองแล้ว มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องถูกตรวจสอบจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเป็นส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน มีหน้าที่ตรวจสอบ แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ท้วงติงการทำงานของฝ่ายบริหารตามหน้าที่ รวมถึงกลุ่มสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกระจกเงาสะท้อนตัวตนการทำงานของรัฐบาล ก็มีความเป็นอิสระวิพากษ์วิจารณ์ได้เช่นกัน ไม่อยากให้นายเศรษฐา มีความรู้สึกว่าคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นการรกหู สร้างความรำคาญ
ผมได้ติดตามการทำงานและการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของนายเศรษฐามาหลายครั้ง เห็นว่าเป็นคนแอ็คทีฟ พูดจาแบบตรงไปตรงมาดี คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เป็นเรื่องดีที่สังคมได้เห็นตัวตนที่แท้จริง แต่ที่อยากจะแนะนำก็คืออยากให้นายเศรษฐา ได้อดทนต่อต่อการวิพากษ์วิจารณ์ และนำข้อท้วงติงเหล่านี้ ไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขในการทำงานของรัฐบาล ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขอให้ตระหนักไว้ว่า “ตอนเป็นนักธุรกิจคุณเป็นเจ้านายของลูกน้องทุกคน แต่เมื่อมาเป็นนักการเมือง ประชาชนทุกคนคือเจ้านายของคุณ.
คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มธ. สร้างชื่อระดับโลก เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งแรกของไทย ที่ UN Women อนุมัติให้เป็น Signatory ของ UN Women’s WEPs เพื่อร่วมยืนหยัดกับองค์การสหประชาชาติที่จะยุติความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในที่ทำงานและชุมชน
10 ก.พ.2566 - อ.ดร.สหวัชญ์ พลหาญ รองคณบดีฝ่ายบริหารและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า มธ.ได้รับการอนุมัติจากองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2566 ให้คณบดีคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ เป็นผู้ที่สามารถลงนาม (Signatory) คำแถลง CEO Statement of Support เพื่อร่วมยืนหยัดกับองค์การสหประชาชาติ (United Nations) ที่จะยุติความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในที่ทำงานและชุมชน และนำหลักการเสริมสร้างศักยภาพสตรี 7 ประการ หรือ the seven Women’s Empowerment Principles (WEPs) ไปใช้ประกอบการบริหารงานของหน่วยงาน
สำหรับการอนุมัติให้คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เป็นผู้ลงนาม (Signatory) ของ UN Women’s WEPs ทำให้ มธ. เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้เป็นผู้ลงนามนี้ และยังเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการให้โลกรู้ว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในการปฏิบัติงาน การคัดเลือกบุคลากรอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
ด้าน ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข คณบดีคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มธ. กล่าวว่า คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มธ. รวมถึงโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เป็นหน่วยงานภายในคณะมีนโยบายที่ชัดเจนและให้ความสำคัญกับเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ เพราะความเท่าเทียมเป็นเรื่องพื้นฐานของมนุษย์ ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างอาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษา และนักเรียนในบริบทของการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการสังคม เพื่อสร้างบุคลากรด้านการศึกษาและพลเมืองที่มีความสามารถและให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมด้วย
ผศ.ดร.อดิศร กล่าวอีกว่า คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มธ. มีเจตนาชัดเจนที่ต้องการแก้ไขความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้าง ที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่มุ่งมั่นต้องการทำให้สังคมภายนอก โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้ตระหนักในประเด็นเหล่านี้ เช่นเดียวกับการดำเนินการที่ผ่านมาของ มธ.ที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาตัวอย่างในการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดสังคมแห่งความเท่าเทียมทางเพศมาโดยตลอด
“การให้ความสำคัญกับหลักการที่เป็นสากลในการสนับสนุนให้ผู้หญิงมีบทบาทเท่าเทียมกับผู้ชายจะช่วยให้เราได้เห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับสังคมโดยรวม เพราะการลดความเหลื่อมล้ำทางเพศในที่ทำงานและส่งเสริมศักยภาพของคนทำงานทุกเพศจะช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพิ่มโอกาสของการพัฒนาประเทศ และส่งผลให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดีมากยิ่งขึ้น” ผศ.ดร.อดิศร กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476
รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง
ปากไว! นายกฯ อบรม 'พ่อนายกฯ' รอที่ประชุมเคาะก่อนไปพูดบนเวทีแจกเงินหมื่น
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศัยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น มอง
พิราบขาว ตามจิกทักษิณ ยกปราศรัยหาเสียงที่อุดร หลักฐานมัดครอบงำเพื่อไทย
ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อกกต.กรณีคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง