'พริษฐ์' เจอ 3 ปัญหาพัฒนาทักษะซ้ำกัน ชงตัวเปลี่ยนเกมยกระดับทักษะฉบับก้าวไกล พร้อมขอแบ่ง 10% จากดิจิทัลวอลเล็ตคงไม่มากเกินไป
20 มิ.ย.2567 - นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ว่าการที่จะรู้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรให้ดูที่การลงทุนให้งบประมาณนั้นๆ ในการพัฒนา เท่าที่ดูในงบประมาณโครงการ 5,631 โครการในงบประมาณปี 2568 นั้นค้นพบว่ารัฐบาลจัดสรรงบสำหรับการศึกษา เรียนรู้ การยกระดับทักษะช่วงวัยอยู่ที่ 510,000 ล้านบาท กระจายไป 14 กระทรวง และช่วงวัยคือตั้งแต่เราเกิดจนเราแก่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทักษะพัฒนาในทั้งเด็ก และผู้สูงอายุก็จะเจอปัญหาเหมือนกัน 3 เรื่อง ดังนี้ 1.งบเรียนรู้ที่ไม่เรียนรู้ เป็นการลงทุนงบไปกับชื่อ วัตถุประสงค์ที่ฟังดูดี แต่ถ้าไปดูไส้ในเป็นกิจกรรมที่ไม่น่าจะเป็นการส่งเริมหรือยกระดับได้จริง 2.งบต่างคนต่างทำ เป็นลักษณะที่หน่วยงานภาครัฐทำงานซ้ำซ้อนกัน จนไม่รู้ว่าชื่อโครงการนั้นๆเป็นหน่วยงานไหนกันแน่ที่รัฐผิดชอบ และ 3.งบคนเรียนไม่ได้เลือกอกคนเลือกไม่ได้เรียน เป็นการที่กระทรวงคิดแทนโรงเรียน เพราะเรามีทั้งกระทรวงที่คิดแทนโรงเรียนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีรัฐที่คิดแทนตลาดในการยกระดับทักษะแรงงาน ฉะนั้นการศึกษาเราจะตัดเสื้อให้เข้ากับเด็กแต่ละคนที่มีความชอบ ความถนัดไม่เหมือนกันไม่ได้เลย ตราบใดที่โรงเรียนหรือสถานศึกาษาที่มีความใกล้ชิดกับผู้เรียนยังไม่มีอำนาจในการตัดสินใจว่างบประมาณที่ใช้ในโรงเรียนของเขานั้นจะใช้ไปกับอะไร เพราะที่สังเกตเห็นคือเมื่อให้กับโรงเรียนก็จะเป็นการแบบ 5 ก้อน ซึ่งเป็นการสร้างข้อจำกัดของการใช้งบเป็นอย่างมาก
นายพริษฐ์ อภิปรายว่า หากเราอยากจัดงบการเรียนรู้ให้ตอบโจทย์ เราปรับเล็กไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนใหญ่ เรียกว่า ตัวเปลี่ยนเกมทั้ง 3 ตัว คือ ตัวเปลี่ยนเกมที่ 1 อัดฉีดงบนี้ให้ท้องถิ่นดูแลเด็ก 1,000 วันแรก เข้าใจว่าจะให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบนั้นก็เป็นไปได้ยาก แต่จะดีไหมถ้าให้ท้องถิ่นมาดูแลตรงนี้ด้วยการปลดล็อกและสนับสนุนงบให้ท้องถิ่นสามารถมารับภารกิจดูแลเด็กในช่วง 1,000 วันแรกได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลาง และในเชิงงบประมาณจำเป็นต้องอัดฉีดอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนขยายวันเวลาเปิด เพื่อให้ศูนย์เด็กเล็กที่มีอยู่แล้วเปิดถึงเย็นได้ และขยายช่วงอายุเด็กที่ส่วนกลางสามารถอุดหนุนงบกับท้องถิ่นได้ โดยรวมเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีได้ด้วย ส่วนตัวเปลี่ยนเกมที่ 2 ในวัยเรียน คือการระเบิดงบประมาณการศึกษาขั้นพื้นฐานกระจายให้โรงเรียน ครู นักเรียน เราเชื่อว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงนัยยะสำคัญได้ หากเราแก้เรื่องประสิทธิภาพในการจัดสรรงบที่มีอยู่แล้ว และเพื่อให้งบถึงมือโรงเรียนจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการจัดสรรงบ คือ ในส่วนของเงินอุดหนุนการจัดการศึกษา กระทรวงควรเปลี่ยนวิธีการส่งงบไปที่โรงเรียนที่จากปัจจุบันที่แบ่งเป็น 5 ก้อน แยกออกจากกัน เป็นการส่งเป็นก้อนเดียวไม่ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อให้โรงเรียนไปตัดสินใจเองว่าจะบริหารจัดการอย่างไร และในส่วนของงบลงทุน ที่ปีนี้อยู่ที่กว่า 8 พันล้านบาท เสนอว่ากระทรวงควรหยุดคิดแทนโรงเรียนว่าจะลงทุนด้านไหน โรงเรียนไหนที่พร้อมและมีความต้องการก็จัดสรรงบเป็นก้อน ให้โรงเรียนตัดสินใจกันเอง และเพื่อให้งบถึงมือคุณครู ตนเองเสนอว่าต้องระเบิดโดยให้คูปองแล้วไปคิดเองว่า จะพัฒนาทักษะด้านไหนให้ตอบโจทย์ห้องเรียน และเพื่อให้ถึงมือโรงเรียนควรจะมีงบส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนบางโครงการ เพื่อแปลงเป็นคูปองเปิดโลกที่สามารถเลือกเองได้
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ตัวเปลี่ยนเกมที่ 3 ลงทุนในเมกะโปรเจ็กต์เพิ่มทักษะ โดยการเพิ่มจากปัจจุบันเป็น 5 หมื่นล้านบาท โดยจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการลงทุนจากเบี้ยหัวแตก เป็นการลงทุนแบบบาซูก้ารวมทรัพยากรอัดฉีดและดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานด้วยกัน และจากที่รัฐคิดแทนตลาดอุดหนุนให้ผู้เรียน เป็นผู้เรียนสามารถเลือกเองได้ ฉะนั้น ยืนยันว่ารัฐสามารถทำได้ และถ้าท่านกังวลว่าเราจะหางบบประมาณมาจากไหน ได้ยินว่าปีนี้มีโครงการที่น่าจะใช้งบประมาณมากกว่าที่พูดถึง 10 เท่า ด้วยเหตุผลที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้า หวังว่าถ้าจะขอใช้งบประมาณ 10% ของมูลค่าโครงการนั้น เพื่อมาใช้ในการยกระดับทักษะของคนทุกช่วงวัย หวังว่าจะไม่เป็นการขอที่มากจนเกินไป
“ผมคิดว่างบฯปี 68 สะท้อนเห็นชัดว่ารัฐบาลเศรษฐา ยังคงเลือกที่จะลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้ง ถนน อาคาร ในขณะที่มีสิ่งที่เพิ่มในปีนี้แปลกปลอมจากปีก่อนๆ คือการลงทุนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่ปัญหาเหมือนเดิมคือการลงทุนในการยกระดับทักษะของคนในประเทศ”นายพริษฐ์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา
ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท
รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง
รัฐบาลเคาะแจกเงินหมื่น เฟส 2 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันตรุษจีนปี 68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง