'ศิริกัญญา' อัดงบ 68 ปรับแต่งตัวเลขเพื่อดิจิทัลวอลเล็ตโครงการเดียว

"ศิริกัญญา" หวั่นรัฐบาลทิ้งหนี้สาธารณะก้อนโตหลังหมดสมัย ส่อขยายเพดานอีกรอบเพื่อ ดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายเดียว

19 มิ.ย.2567 - เวลา 13.48 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณปี 68 ที่ทำให้ประเทศไทยทำลายสถิติใหม่ทางการคลังหลายตัว นอกเหนือจากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไปเมื่อเช้าแล้ว ว่ารายจ่ายลงทุนต่องบประมาณของประเทศไทยสูงที่สุดในรอบ 17 ปี

แต่การตั้งงบขาดดุล หรือการกู้ขาดดุลต่อจีดีพีก็สูงที่สุดในรอบ 36 ปีเช่นเดียวกัน ซึ่งคือการกู้เพื่อนำมาใช้จ่ายในแต่ละปี แต่เมื่อเทียบกับจีดีพีหรือความสามารถในการหารายได้ กลับมีการกู้สูงถึง 4.5% ของจีดีพี อีกทั้งยังย้อนกลับไปกู้เงินของปี 67 อีก 4.3% หมายความว่า 2 ปีแล้วที่เรากู้เพื่อชดเชยรายจ่ายที่มากกว่ารายได้ของเราสูงถึง 4%

น.ส.ศิริกัญญา ย้ำว่า เราไม่เคยต้องทำแบบนี้มาก่อน เป็นความกล้าหาญมาก แม้จะมีหลายปีที่เกิดวิกฤติ และทำให้เราต้องกู้ขาดดุล แต่การวางแผนงบประมาณในปีปกติ เราไม่เคยกู้มากมายขนาดนี้มาก่อน รัฐบาลเองก็ดูจะเหมือนเริ่มเสพติดกับการขาดดุลแล้ว เพราะมีการกู้เต็มเพดานทุกปี ตั้งแต่ปี 57

"ปัญหาคือพอเราใช้จ่ายเงินเกินตัว แต่หาหาเงินไม่ทัน มันจะทำให้ชีวิตเราเสี่ยง รอบนี้เราไม่ได้เสี่ยงแค่คนๆ เดียว เพราะรัฐบาลนี้ที่ใช้เงินมือเติมแบบนี้ ท่านกำลังพาประเทศไปเสี่ยงด้วย การกู้จนเต็มเพดานแบบนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝันขึ้น เราจะไม่เหลือพื้นที่ ไม่เหลืองบประมาณที่จะไปรองรับสถานการณ์เช่นนั้นได้เลย สิ่งที่รัฐบาลทำคือโนสนโนแคร์ ว่าจะทำให้ประเทศอยู่ในภาวะเสี่ยง เพียงเพื่อทำให้มีเงินมากพอที่จะไปทำโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ตโครงการเดียว"

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงสัดส่วนรายจ่ายลงทุน 24% สูงสุดในรอบ 17 ปี ว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีขนาดนั้น จริงอยู่ว่าเราอยากเห็นการใช้จ่ายที่นำไปสู่การลงทุนออกดอกออกผลมากกว่าที่จะใช้กับการบริโภคหรือรายจ่ายประจำ แต่การที่สัดส่วนรายจ่ายลงทุนสูงขนาดนี้ เพราะไปรวมกับ 80% ของงบดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งหากตัดงบส่วนนี้ออกไป จะเหลือเพียงแต่ 20.8% เท่านั้นเอง ปริ่มๆ กับเกณฑ์ขั้นต่ำ เป็นการยัดงบ เพื่อทำให้รายจ่ายดูโป่ง ดูดีหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลจงใจตัดรายจ่ายบางตัว เพื่อเปลี่ยนให้เป็นรายจ่ายลงทุนหรือไม่ เพราะมีรายจ่ายประจำบางตัวที่ได้งบต่ำกว่าที่จะต้องใช้ กว่า 167,000 ล้านบาท ซึ่งหากงบส่วนนี้ถูกใช้ตามที่ควรจะเป็น ก็จะเหลือเพียง 16.4% หรืออาจน้อยกว่านั้น

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกล เคยถูกกล่าวหาว่า เราเป็นพรรคที่จะตัดบำนาญข้าราชการ แต่คนที่ตัดจริงคือรัฐบาลนี้ ท่านบอกว่า ถ้าไม่พอไปใช้งบกลางเอาก็ได้ หรือถ้างบกลางยังไม่พออีก ให้ไปใช้เงินคงคลังก็ได้ แต่ปัญหาคือ การจัดลำดับความสำคัญ ถ้าจะให้เจ้าหนี้ที่รอดอกเบี้ย ข้าราชการไปลุ้นจากการของบกลางหรือเงินคงคลัง แบบนี้ก็เรียกว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพวกเขา แม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ปีนี้หนักขึ้น เพราะต้องประดิษฐ์ตัวเลขทุกอย่างให้อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง จึงต้องหยิบเอางบเข้าออกเพื่อตบให้ตัวเลขดูดี

"ปีที่แล้วดิฉันเคยเตือนเอาไว้ว่า อย่าทำพลาดเหมือนรัฐบาลประยุทธ์ เพราะงบพวกนี้ มักจะถูกตั้งไว้ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีการชดใช้เงินคงคลัง แต่สุดท้ายในปี 67 ก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ได้เตือนไว้จริงๆ เพราะมีการจัดสรรไม่เพียงพอ ทำให้ต้องไปใช้เงินคงคลัง สูงถึง 3.9 หมื่นล้านบาท และคาดว่าน่าจะมีเพิ่มอีก เพราะก็เห็นแล้วว่า งบประมาณในส่วนต่างๆ ไม่พอที่จะใช้ รวมถึงการใช้งบประมาณฉุกเฉิน ก็อาจจะเป็นไปไม่ได้แล้วเช่นเดียวกัน เพราะงบประมาณต้องถูกกันเอาไว้เพื่อทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และคงต้องใช้เงินคงคลังไปใช้ในปี 69 ต่อไป"

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงการตั้งงบชำระคืนเงินต้นหนี้สาธารณะไว้ที่ 4% ของงบประมาณ สูงสุดในรอบ 20 ปี ก็ต้องขอชื่นชม แต่ที่น่าประหลาดใจคือการจัดสรรงบประมาณในครั้งแรก จาก 3.6 ล้านล้านบาท มีการตั้งงบชำระเงินต้นไว้เพียง 1.4 แสนล้านบาท พอขยายเป็น 3.752 ล้านล้านบาท กลับคงเอาไว้เท่าเดิม แต่ไปลดงบชำระดอกเบี้ยแทน

"ดิฉันจึงถึงบางอ้อว่า การตั้งงบชำระคืนเงินเอาไว้สูง เพื่อเอาไปขยายกรอบการกู้ขาดดุล"

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงที่สุดในรอบ 29 ปี ซึ่งหากมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีแบบนี้ ในปี 70 อาจจะพุ่ง สูงถึง 68.7%

"ปี 70 สุดท้ายของรัฐบาล คือการพยายามส่งมอบหนี้สาธารณะก้อนใหญ่ที่เกือบจะเต็มเพดานนี้ให้กับรัฐบาลต่อไป แบบนี้มีความรับผิดชอบทางการคลังหรือไม่ นี่คือผลที่รัฐบาลกู้ชดเชยขาดดุลเต็มเพดาน 2 ปีติด ที่พาเรามาถึงจุดนี้ จุดที่แม้ว่าประเทศจะไม่ได้เจอวิกฤตเศรษฐกิจอะไรเลย เราก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะกันอีกครั้ง จาก 70% เป็นเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งก็อาจจะเอาไม่อยู่แล้ว เพียงเพื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโครงการเดียว"

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงสัดส่วนดอกเบี้ยต่อรายได้สูงที่สุดในรอบ 14 ปี ที่ดูเหมือนจะทำสถิติใหม่ไปเรื่อยๆ ทุกปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลย เพราะสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะไปเบียดบังงบประมาณในส่วนอื่นๆ ปีต่อๆ ไป เงินที่จะใช้พัฒนาประเทศในโครงการอื่น ก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะจำเป็นที่จะต้องมานั่งรับภาระดอกเบี้ย เป็นไปอย่างที่ สส.ฝ่ายรัฐบาล ได้พูดไว้ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียวแล้วจะจบ เพราะผลกระทบในเชิงลบจะอยู่กับเราไปยาวๆ ลองคิดดูว่า เก็บภาษีเก็บรายได้ได้เท่าไหร่ ก็ต้องเอาไปจ่ายดอกเบี้ยแล้วกว่า 10%

"5 ตัวชี้วัดทางการคลัง ที่งบประมาณปี 68 ได้ทำลายสถิติลงไปอย่างสวยงาม อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังทุกประการ ไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ถ้ามีการเกิดขึ้นหลายตัวหลายแหล่งพร้อมกันแบบนี้ ไต่เส้นไต่ขอบไปหมดทุกตัวแบบนี้ มันคือภาวะความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไม่มีความพร้อม เหมือนคนภูมิคุ้มกันไม่ดี หรือไม่มีภูมิกัน พอมีอะไรมากระทบหน่อยหนึ่ง ก็เจ็บป่วยรุนแรง อาจจะไม่ได้เกิดผลกระทบทันที แต่ประเทศที่ดีต้องมีการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น"

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงงบประมาณที่เพิ่มขึ้น แต่กลับเหลืองงบใช้ได้จริงแค่ 1 ใน 4 ของงบประมาณ เพราะมีรายจ่ายอื่นๆ ที่ไปยุ่งไปตัดไม่ได้ งบประมาณที่จะเอาไปคิดไปทำไปพัฒนาประเทศ สุดท้ายจะเหลือไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท ทางออกทางเดียว คือเราจำเป็นจะต้องเพิ่มรายได้ แสดงศักยภาพในการหาเงินให้ประเทศได้แล้ว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงการขับเคลื่อนโยบายรัฐบาล 142 ประเด็น ที่สอดคล้องกับงบประมาณถึง 2.5 ล้านล้านบาท ฟังเผินๆ อาจดูดีว่า ทุกภาคส่วนพร้อมใจที่จะทำตามนโยบาย แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ว่าจะมีเงินที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาลแค่ 1.2 ล้านล้านบาท เฉพาะแค่เงินเดือนและสวัสดิการข้าราชการ ก็ 1.4 ล้านล้านบาทแล้ว ตกลงรวมอะไร ไม่รวมอะไรมา

"ท่านมีความพยายามจะขับเคลื่อน แต่ให้โจทย์ไปอย่างเดียว ไม่ได้ให้แนวทาง ไม่ได้มีวาระ ไม่ได้ให้ทิศทาง 142 ประเด็นนี้ ก็มาจากการแถลงของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายที่ล่องลอย จับต้องอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายน่าจะเป็น เพราะโดนข้าราชการย้อมแมว เอาโครงการเดิมๆ ในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ มาแปะป้ายใหม่ว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา"

น.ส.ศิริกัญญา ยกตัวอย่าง โครงการต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งมีเพิ่มขึ้นไม่กี่โครงการ และวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ที่ไม่เป็นรูปธรรมชัดเจน ว่า ถ้าท่านจะผลักดันขับเคลื่อนนโยบายอื่นๆ ของตัวเองให้ได้จริงจังสักครึ่งหนึ่งของที่ผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะดีมากเลย เพราะเห็นได้ชัดมากว่าไม่ใช่แค่งบประมาณ ภาระทางการคลัง ทรัพยากร แต่รวมถึงสมาธิของคณะรัฐมนตรีด้วยที่หายไป เพราะถูกทุ่มไปให้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโครงการเดียว

แต่เราคงต้องลุ้นกันต่อไปว่า โครงการนี้จะประสบความสำเร็จ หรือจะได้ทำหรือไม่ เพราะเป็นการกู้เต็มจำนวน ไม่มีการบริหารจัดการ ตัดลบงบประมาณที่จำเป็น แทนที่จะตั้งโครงการใหม่ใส่ไว้ในหน่วยงานรับผิดชอบ ก็กลับเพิ่มรายการใหม่มาในงบกลาง

ทำให้คิดไป 3 เรื่อง คือ 1.หาทางหนีทีไล่เอาไว้ หากท้ายที่สุดไม่ได้ทำ จะได้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นง่ายขึ้น 2.ไม่ใส่ไว้ในเงินใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นของงบกลางเช่นเดียวกัน เพราะหากใส่จะเกินกรอบวินัยการเงินการคลัง 3.หาเจ้าภาพไม่ได้ เลยมาแปะลอยๆ ไว้ก่อน แถมการใช้งบกลางก็อาจจะผิดตามมาตรา 22 หรือไม่ พร้อมทั้งไหลย้อนกลับไปกู้งบปี 67 เพิ่มอีก

“ฝากไปยังข้าราชการประจำทุกคนที่ยังซื่อตรงต่อหลักการที่ได้ร่ำเรียนมา หากพบว่ามีความผิดปกติขอให้ส่งหนังสือท้วงติงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรต่อความไม่ชอบมาพากล ทุกอย่างจะสายเกินไป” น.ส.ศิริกัญญา กล่าวทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เท้ง-ไหม' ชำแหละ 'นายกฯอิ๊งค์' เหมือนฝากงานรมต. มากกว่าแถลงผลงานรัฐบาล

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานรัฐบาลครบ 90 วัน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ท้า 'แพทองธาร' โชว์ภูมินายกฯวัดกึ๋น 'ศิริกัญญา'

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "อยากเห็นคุณอิ๊งค์ ดีเบต คุณไหม" ระบุว่าหลังจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยถึงแนว

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท   

รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง