10 มิ.ย.2567 - จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา รับวินิจฉัยประเด็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จำนวน 4 มาตราว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ โดย 4 มาตราประกอบด้วย มาตรา 36 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้สมัคร แนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่กกต.กำหนด หรือบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้สมัคร จะช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัวต้องปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขที่กำหนด ส่วนมาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) เกี่ยวข้องกับวิธีการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ ที่กำหนดให้ ผู้สมัครแต่ละกลุ่ม, ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ,ผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด ลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกิน 2 คน และไม่เกิน10 คนโดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกิน 1 คะแนน ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107หรือไม่ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นต่อ ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ล่าสุด วันนี้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวสั้นๆ ถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้ลงนามในการจัดส่งเอกสารชี้แจงถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คาดว่าจะส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญภายในวันนี้ (10 มิ.ย.) ส่วนรายละเอียดขอยังไม่ตอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย 4 มาตรา ดังกล่าวข้างต้น ต่อมาทาง กกต. ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2557 จากนั้น เลขาธิการ กกต.ได้แถลงในวันเดียวกันว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ และเดินหน้าจัดให้มีการเลือก สว.ระดับอำเภอเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเหตุผล 4 ข้อ คือ 1. ศาลระบุว่า ยังไม่ปรากฏว่าจะเกิดความเสียหายร้ายแรงยากแก่การเยียวยาได้ในภายหลัง 2. เหตุผลในการรับคำร้อง ระบุว่า ยังไม่มีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ตามกฎหมายจนไม่อยู่ในวิสัยที่จะเยียวยาในภายหลัง 3. รัฐธรรมนูญมาตรา 132 เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญทุกฉบับ
ต้องส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบความชอบ ซึ่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ที่ใช้สำหรับการเลือกสว.ครั้งนี้ก็ผ่านขั้นตอนนี้มาแล้ว และ 4. ณ วันนี้ กกต.กำลังปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ออกโดยชอบด้วยรัฐสภา ซึ่งคือกฎหมายการเลือกสว.ฉบับนี้ พร้อมย้ำว่า หากวันข้างหน้า ถ้ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กกต.คงใช้อำนาจตามหน้าที่ที่มีในการแก้ไขปัญหานี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง
จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
แก้วสรร : ประเมินคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
แก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ประเมินคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ" โดยมีเนื้อหาดังนี้
ศาลรธน.ยกคำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง เอกฉันท์ 5 ประเด็นเว้นประเด็น 2
จากกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
'จตุพร' ตอกย้ำศาลรธน.รับคำร้องคดีล้มล้าง เพื่อหยุดอหังการอำนาจ เริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง
ลุ้นศาล รธน.พิจารณาคำร้อง 'จตุพร' เชื่อรับไว้วินิจฉัยเพื่อหยุดอหังการอำนาจ ลั่นจะเริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง เปิดความหวังประเทศก้าวเดินสู่ผลประโยชน์ชาติ
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ