'ชาญชัย' จี้ 'ภูมิธรรม-เศรษฐา' ยึดทรัพย์พร้อมตามตัว 'ยิ่งลักษณ์' กลับมารับโทษ

'ชาญชัย' แนะ 'ภูมิธรรม-เศรษฐา' ช่วยตามตัว 'ยิ่งลักษณ์' รับโทษคดีทุจริตจำนำข้าว ยุติปมข้าวค้างโกดัง ย้ำทำให้ถูกต้อง ถ้ายังเฉยผิดมาตรา 157 ติดตัวยาวแน่

15 พ.ค.2567 - นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีข้อถกเถียงเรื่องข้าวเก่า 10 ปีค้างโกดังในโครงการรับจำนำข้าว 10 ปีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุจะเอาเข้าสู่ระบบการค้าข้าวส่งออกนั้นว่า ข้าวล็อตสุดท้ายจำนวน 1.5 หมื่นตัน ที่มีการวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมที่จะนำข้าวค้างโกดัง 10 ปีนี้ไปขาย เพราะจะส่งผลกระทบต่อระบบการค้าข้าวและ ทำลายชื่อเสียงของข้าวไทย ขอย้อนถึงความเป็นมาของข้าวกองนี้ที่เป็นเศษสุดท้ายของข้าวในโครงการรับจำนำข้าวว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 คดีหมายเลขดำที่ อม. 22/ 2558 คดีหมายเลขแดงที่ อม.211/2560 และไม่ใช่เอกสารลับ สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้

นายชาญชัยกล่าวต่อว่า คำตัดสินของศาลฎีกาฯ สรุปสาระได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแล ต้องระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าว แต่จำเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฏหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดยแจ้งชัด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์ จากโครงการรับจำนำข้าวโดยการแอบอ้างนำบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริตได้ค่าส่วนต่างจากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย 4 ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรงโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ทั้งนี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสำหรับตนหรือผู้อื่น ดังนั้นการกระทำของจำเลยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการละเว้น การปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว ให้จำคุก 5 ปี

”เมื่อศาลมีคำพิพากษาดังกล่าวในหน้า 95 ของคำตัดสิน ผมจึงขอฝากถึงนายภูมิธรรมช่วยไปตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำพิพากษาศาลเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย หรือภาษาชาวบ้านคือ เอามาเข้าคุก 5 ปี ตามคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ไปช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้ผมจะทำหนังสือถึงนายภูมิธรรม พร้อมคำพิพากษาของคดีนี้ เพราะคุณมีหน้าที่ ซึ่งโดยหลักของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่กำหนดมูลฐานความผิดตามมาตรา 3(5) ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตามกฏหมายนี้และตามคำตัดสินของคดีนี้ คุณต้องไปยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สร้างความเสียหายในโครงการดังกล่าวคืนให้แก่รัฐ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติที่เสียหาย ตามคำพิพากษาคือ การเอาเงินกลับมาคืนคลังและกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นต้นเรื่องในการที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเป็น รมว.พาณิชย์แล้ว กลับจะมาแก้ปัญหาให้กับคนที่ถูกศาลฎีกาตัดสินลงโทษไปแล้ว”

นายชาญชัยกล่าวต่อว่า นอกจากจะส่งเรื่องนี้ให้นายภูมิธรรมแล้ว จะส่งเรื่องนี้ให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหาร รวมถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย ที่ต้องยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ตามคำพิพากษาศาล เรื่องนี้นายเศรษฐาต้องดำเนินการนี้ เพราะเป็นคดีอาญา ส่วนที่มีการอ้างและเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ศาลปกครองกลางได้ยกคำร้องกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ฟ้องว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวกว่า 3 หมื่นล้านบาทนั้นถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะกรณีค่าปรับที่ศาลปกครองกลางสั่งเป็นคดีคำสั่งทางปกครอง แต่คดีที่ศาลฎีกานักการเมืองตัดสินจำคุกนี้ เข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงินของกฎหมาย ป.ป.ง. ซึ่งคดีแบบนี้เคยทำมาแล้วคือ ค่าโง่คลองด่าน ที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินสั่งให้รัฐต้องชดใช้เงินให้กับบริษัทเอกชนรวม 5 บริษัท สุดท้ายเราต่อสู้คดีโดยใช้ข้อเท็จจริงและกฎหมายการฟอกเงินของ ป.ป.ง.พิสูจน์ว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่บริษัท โดยใช้กฎหมายฟอกเงินไปยึดอายัดทรัพย์ทั้งหมด กลับคืนมาเป็นของรัฐรวมกว่า 9 พันล้านบาท จึงจำเป็นต้องอธิบายให้สังคมไทยรับทราบ

“วันนี้ต้องกลับไปยึดอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาคืนรัฐ โดยนายภูมิธรรมที่เป็น รมว.พาณิชย์ มีหน้าที่ต้องทำ ซึ่งจะไปปรึกษากับนายเศรษฐาให้ดีก็ได้ ซึ่งถ้าผมยื่นเรื่องไปแล้ว และหากพวกท่านไม่ทำอะไร ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะติดตัวท่านไปตลอดชีวิต“ นายชาญชัยกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เทพไท' ห่วง กกต. ปล่อยผี สว. รับรองไปก่อน แต่สอยใครไม่ได้

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า รับรองไปก่อน สอยทีหลัง ระวังจะซ้ำรอยเดิม!!!

ครองแชมป์ตำแหน่ง 'บิดาแห่งข้อยกเว้น' ภารกิจนำ 'ยิ่งลักษณ์' กลับประเทศไทย

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า บิดาแห่งข้อยกเว้น ภารกิจนำยิ่งลักษณ์กลับประเทศไทย

'ชาญชัย' ย้อนเกล็ด 'วิษณุ' บอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน

'ชาญชัย' ยก กม. ชี้ 'วิษณุ' เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. อ้างคำวินิจฉัยชี้ศาล รธน. กำหนดมาตรฐานไว้แล้ว ชี้หากไม่ทำผิดกฎหมายกลัวอะไร