หวานมดขึ้น! นายกฯ ซาบซึ้งภท. เปิดบ้านเลี้ยงอาหารค่ำอบอุ่น ขอทำงานร่วมรัฐบาลต่อไป

นายกฯ ขอบคุณ “นภินทร” เปิดบ้านต้อนรับคณะอบอุ่นเป็นกันเอง ขอ ภท. ซัพพอร์ตร่วมกันเป็นรัฐบาลต่อไป สัญญาจะช่วยชาวราชบุรี

12 พ.ค.2567 – เวลา 17.30 น. ที่บ้านศรีสรรพางค์ จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ได้เปิดบ้านเลี้ยงอาหารค่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ รวมถึงในส่วนของพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

โดยนายนภินทร กล่าวต้อนรับ ระหว่างงานเลี้ยงรับรองนายกรัฐมนตรี ว่า ได้เห็นการทำงานตลอด 7 เดือน ที่ผ่านมาไม่มีวันหยุด วันนี้นายกฯมาทัวร์นกขมิ้น 4 จังหวัดบุรี เริ่มจากสุพรรณบุรีกาญจนบุรี ราชบุรี เป็นจังหวัดที่ 3 ตลอดงานวันนี้ใครก็เรียนถามว่านายกฯเหนื่อยไหม นายกฯมีคำเดียวไม่ต้องคิดเลย ไม่เหนื่อย เป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำงานให้กับประชาชนมาตลอดเวลา 7 เดือนเต็ม และวันเดียวกันนี้ยังให้เกียรติมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านศรีสรรพางค์ ขอให้ดื่มดำกับ ความสุขและบรรยากาศ แม้จะร้อนแต่ด้วยรอยยิ้มของบรรยากาศ ทำให้บรรยากาศสดชื่นขึ้นมาทันที

นายนภินทร ระบุว่า เป็นบุญของบ้านศรีสรรพางค์ ที่ได้ต้อนรับในวันนี้ และขอต้อนรับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นทั้งหัวหน้าและลูกพี่ รวมทั้งนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เราคุ้นเคยกันมากกว่า 40 ปี สมัยตั้งแต่เป็นนายอำเภอดำเนินสะดวก ให้ความอนุเคราะห์ครอบครัวตนมาโดยตลอด ไม่มีท่านคงไม่มีตลาดศรีเมืองในวันนี้ รวมทั้งขอต้อนรับน้องรักอย่าง นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช. คมนาคม มีอะไรช่วยคิดและช่วยวางแผนด้วยกัน ถือเป็นน้องรัก แม้จะอยู่ต่างพรรคก็ตาม ขอขอบคุณพี่น้องชาวราชบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ ที่ให้เกียรติมาร่วมต้อนรับ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีคนนี้

ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก แม้ว่าเราจะอยู่คนละพรรคแต่ทราบว่าเรามีความผูกพันกันมานาน จริงๆแล้วเราอยู่ด้วยกันมาก่อนที่ตนเองจะเข้าการเมืองอีก ก็ฟังเรื่องเล่ากันมา ทราบว่าผู้ใหญ่ในพรรคที่ยืนอยู่บนเวทีนี้ทุกคนผูกพันกันมาระยะเวลายาวนาน จนกระทั่งวันนี้เรามีความเป็นปึกแผ่นหนาแน่นด้วยคะแนนเสียง 314 เสียง

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทีมคณะแม่บ้านได้มาบอกว่าขอให้ผมอยู่นานๆ เป็นคณะรัฐมนตรีนานๆ ซึ่งผมได้บอกว่าให้ นายนภินทร ช่วยซัพพอร์ตอยู่ต่อไปเพราะจริงๆแล้วเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำงานกันด้วยดีให้เกียรติซึ่งกันและกันเสมอ ท่านเองก็ให้คำแนะนำและเป็นกำลังสำคัญของรัฐบาลนี้มาโดยตลอด ภารกิจของพี่น้องประชาชนยังมีอีกเยอะมากที่เราต้องไปช่วยเหลือกัน ความเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐาน การบริหารจัดการเรื่องน้ำเรื่องพื้นที่ทำกิน ก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญมาก ฉะนั้นการที่ผมได้มาพื้นที่แม้ว่าพรรคของตนเองไม่มีสส.เลย แต่ก็ได้เข้าถึงพี่น้องประชาชนและทราบถึงปัญหา ซึ่งจริงๆแล้วการเลือกตั้งห้ามสัญญาว่าจะช่วย

“แต่วันนี้ไม่ได้มีการเลือกตั้ง ฉะนั้นขอสัญญาว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ที่จะแก้ไขปัญหาของชาวราชบุรี โดยไม่คำนึงว่าอยู่พรรคไหน หากประเทศชาติดี พี่น้องประชาชนอยู่อย่างมีความสุข เราก็คงมีความสุข เพราะเรายืนอยู่ตรงนี้ ทุกคนบนเวทีนี้อยู่ในการเมืองมายาวนาน เชื่อว่าจุดมุ่งหมายที่เรามาวันนี้เพื่อพี่น้องประชาชนจุดมุ่งหมายตรงนี้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และขอขอบคุณพรรคภูมิใจไทย ที่กรุณาเป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงอาหารค่ำ ที่เอร็ดอร่อยและเป็นกันเองในบรรยากาศของความเป็นมิตรและสนุกสนาน” นายกรัฐมนตรี ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

สส.ภูมิใจไทย ซัดนโยบายกัญชากลับเป็นยาเสพติด ไม่เป็นผลดีต่อการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนโยบายกัญชาของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสินว่า ตนไม่เห็นด้วยกับ

'ภูมิธรรม' ยันยังไม่เลิก 'ไร่ละพัน' แจง 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' หวังช่วยชาวนาอีกทาง

'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ยกเลิกไร่ละพัน พร้อมดึงกลับมาใช้ถ้าราคาข้าวตก ย้ำคนละส่วนกับปุ๋ยคนละครึ่ง ชี้ สส. รุมค้าน เหตุไม่เข้าใจถ่องแท้ไปฟังเกษตรกรมา

'พ.ร.บ.นิรโทษกรรม' เสี่ยงโมฆะ! ขืนรวมความผิด 'ม.112-110'

'คารม' เตือน 'พ.ร.บ.นิรโทษกรรม' เสี่ยงโมฆะ ขืนรวมความผิด 'ม.112-110' ส่อขัดรัฐธรรมนูญ ยิ่งเพิ่มขัดแย้ง แนะผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม พิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง

'ศิริกัญญา' บอกรัฐบาลคอพาดเขียงเพิ่มงบ 1.22 แสนล้านส่อผิดกฎหมายอื้อ

'ศิริกัญญา' ชี้ดิจิทัลวอลเล็ต เสี่ยงขัดกฎหมายหลายมาตรา ท้าใช้เสียงข้างมากในสภาแก้ กม. ก่อนแล้วค่อยทำโครงการ ซัด ครม.-นายกฯคาดพาดเขียง กระตุกสติพรรคร่วมอาจกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด