“เอกนัฏ” ออกตัว สัมมนา “รทสช.” ไม่มีคุยเก้าอี้รมช.แทน”กฤษฎา” ยอมรับ เสียดายประสบการณ์งานก.คลัง ระบุ โควตารมต.เป็นเรื่อง”พีระพันธุ์-นายกฯ” ไม่จำกัดสเปก คนใน-นอก ก็ได้ แจง พรรคไม่มีแตกแยก
12 พ.ค.2567 – เมื่อเวลา 13.40 น. ที่โรงแรมรีเจ้นท์ อ. ชะอำ จ.เพชรบุรี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดสัมนาพรรค รทสช.ที่กำลังถูกหลายฝายจับจ้อง ทั้งเรื่องการลาออกจากรมช.คลังของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ และกระแสการแบ่งกลุ่มก๊วนภายในพรรค ว่า ตามปกติ รทสช.จะจัดสัมนาทุกครั้งที่มีการปิดสมัยประชุม แต่ช่วงสงกรานต์ที่เพิ่งปิดสมัยประชุมมีประเด็นเรื่องปรับครม. เราจึงเลื่อนออกมา ประกอบกับ รทสช.เป็นเจ้าภาพประชุมครม.สัญจร โดยประเด็นสำคัญวันนี้จะเป็นเรื่องภารกิจของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ว่าแนวทางการปรับโครงสร้างพลังงานให้ประชาชนเป็นอย่างไร หลายเรื่องมีผลแล้ว หลายเรื่องต้องใช้เวลา เราจะได้คุยกับสส.ให้ไปชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า โควตา รมช.คลังของนายกฤษฎา จะเป็นคนในหรือคนนอก จะหารือในที่ประชุมหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในการสัมนาครั้งนี้จะไม่มีการหยิบเรื่องดังกล่าวมาพูดคุย เรื่องตำแหน่ง หัวหน้าพรรคคงต้องพูดคุยกับนายกฯว่าโควตาของเรายังเป็นรมช.คลังหรือไม่ ถ้าโยกไปที่อื่น เราต้องพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม เพราะยังถือว่าตรงนี้ยังเป็นส่วนของ รทสช.
เมื่อถามว่า ยังยืนยันว่าเป็นเก้าอี้ รมช.คลัง หรือเก้าอี้อื่นก็ได้ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตั้งแต่ร่วมรัฐบาล เราไม่เคยระบุว่าเป็นกระทรวงใดเราร่วมรัฐบาลด้วยเงื่อนไขไม่เอาพรรคที่ผลักดันแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญต้องไม่แตะมาตรา 112 และการปราบปรามการทุจริต ส่วนเรื่องกระทรวงอยู่ที่ว่ารัฐบาลจะหยิบยื่นกระทรวงใดมา แต่ยืนยันไม่ว่ากระทรววงใดเราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนเราก็หาคนที่เหมาะสมได้ ที่สำคัญต้องมีความลงตัวในภาพรวมของรัฐบาล โดยเราจะพิจารณาคนตามเหมาะสม ไม่มีการแบ่งโควตาว่าต้องมาจากภาคนั้นภาคนี้
เมื่อถามว่า คนที่จะเข้ามาต้องเป็นสส.หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่จำเป็น นายกฤษฎาก็ไม่ได้เป็นสส.พรรค เมื่อมีตำแหน่งรมช.คลังมา และนายกฤษฎามีความเหมาะสมเราก็มอบตำแหน่งให้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรายังไม่รู่ว่าจะไปลงตรงไหน ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลจะหยิบยื่นมา และต้องมีการเจรจาเพื่อให้ทุกอย่างลงตัว และส่วนตัวมองว่า ตำแหน่ง รมช.ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนขนาดนั้น การปรับครม.ที่ผ่านมาพรรคเราก็นิ่งแล้ว เราก็ได้นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่ถือว่ามีความเหมาะสมจะเป็น รมช.พาณิชย์ สามารถทำงานได้ทันที ดังนั้น รทสช.ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่สื่อระบุว่าพรรคมีความแตกแยกนั้น ไม่เป็นความจริงสักเรื่อง ข้อเท็จจริงบรรยากาศในพรรคดี ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ
เมื่อถามว่า เหมือนนายสุชาติกับนายเอกนัฏ แท็กทีมกัน นายเอกนัฏ กล่าวว่า ทุกคนแท็กทีมกับเลขาธิการพรรคหมด และทุกคนในพรรคเป็นคนของเลขาธิการพรรคอยู่แล้ว หัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรคก็จะแท็กทีมกัน ย้ำว่ามีพีระพันธุ์ก็ต้องมีเอกนัฏ มีเอกนัฏก็ต้องมีพีระพันธุ์ เราทำงานเหมือนคนๆ เดียวกัน แต่แบ่งหน้าที่กันทำ หัวหน้าพรรคเป็นรองนายกฯ และรมว.พลังงาน จึงต้องสร้างความเชื่อมั่น และสร้างกระแสให้กับพรรค ตนเองเป็นเลขาธิการพรรค เป็นเหมือนแม่บ้านในการดูแลเอาใจใส่ สส.ภายในพรรค ทำให้ทุกคนมีความสามัคคีกลมเกลียวในการทำงาน
“ทุกคนทราบว่า รทสช.มาจากนักการเมืองหลายพรรค แต่วันนี้ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนายสุชาติ ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตนเองก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนจับมือกันทำเพื่อพรรคและส่วนรวม ตลอดระยะเวลาของรัฐบาลนี้ นายพีระพันธุ์ จะเป็นหัวหน้าพรรค ผมซัพพอร์ตให้ร้อยและล้านเปอร์เซ็นต์ เราไม่ได้ตั้งตนเอง แต่ได้รับเลือกมาจากที่ประชุมใหญ่ เรื่องคณะกรรมการบริหารพรรคเปลี่ยนได้ตามที่ประชุมใหญ่พรรค เพราะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค” นายเอกนัฏ ระบุ
เมื่อถามถึงข่าวที่ว่านายกฤษฎา จะลาออกจากสมาชิกพรรค นายเอกนัฏ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เราทำพรรคมาก็มีคนที่มาร่วมลงแรงทำงานให้กับพรรค นายกฤษฎามีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นรมช.คลัง แต่หลายคนเมื่อหมดภารกิจก็อาจจะต้องไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ หรือบอร์ดธนาคารมีสิทธิที่จะลาออกจากสมาชิกพรรค เพื่อไปดำรงตำแหน่งที่สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคม และองค์กรอื่น เนื่องจากกฎระเบียบกติกามีข้อจำกัดหลายที่ต้องเป็นกลาง ยกตัวอย่างนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ก็ลาออกไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ส่วนจะไปอยู่ที่ไหน เป็นสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ ได้พูดคุยให้กำลังใจกับนายกฤษฎา เพราะตนเองเสียดาย ท่านมีประสบการณ์ทำงานในกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งกระทรวงการคลังต้องมีบุคคลที่มีประสบการณ์ เคยว่าราชการ เคยคุมกรมมาเกือบทุกกรม จึงถือเป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาล ไม่ว่าจะกี่ท่านที่ออกจากพรรค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ก็พูดคุยกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีโดยตลอด มีโอกาสทำงานเพื่อส่วนรวมก็พร้อมทำงานร่วมกันอีก ไม่ต้องอยู่ในสถานะทางการเมือง หรือลงเลือกตั้งด้วยกัน
“เพราะการเมืองอาจไม่ตรงรสนิยมของทุกคนเสมอไป ยืนยันว่าเดินหน้าทำพรรครวมไทยสร้างชาติต่อ ไม่มีปัญหาอะไร ต้องให้ความยุติธรรมกับเราบ้าง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ภายในพรรคทุกคนสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหารักใคร่กัน พร้อมขับเคลื่อนเดินหน้าไปกับกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค” นายเอกนัฏ ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ธนกร' หนุนรัฐบาลเร่งปราบนอมินี ธุรกิจอำพรางคนต่างด้าว แนะตั้ง KPI ประกบเห็นผลชัดใน 3 เดือน
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากมีคนต่างชาติลักลอบเข้ามา ประกอบธุรกิจต่างๆทั้งการขายสินค้าโรงงาน ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ หลายย่านในกรุงเทพฯ
คกก.นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นัดประชุมครั้งแรก 19 พ.ย. ถกแจกเงินดิจิทัลรอบใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และหน่วยงานเศรษฐกิจว่า ในวงหารือได้เคาะวันประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
'เผ่าภูมิ' เผย ครม.อนุมัติโครงการสินเชื่อสร้างอาชีพ 1.5 หมื่นล้าน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงการคลังได้เสนอ 2 เรื่องเข้าสู่ที่ประชุม โดยเรื่องที่ 1.เป็นเรื่องสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ เป็นโครงการของธนาคารออมสิน ยอดวงเงิน 15,000 ล้านบาท
'จุลพันธ์' ตาใส! ยังไม่รู้ 'กิตติรัตน์' นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการสรรหาประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ บอ
ม็อบบุกแบงก์ชาติ ยื่นอีก 5 หมื่นชื่อ ขวางการเมืองจุ้นเลือก 'ปธ.บอร์ด'
คปท. ศปปส. และกองทัพธรรม เดินทางมาชุมนุมหน้าแบงก์ชาติ เพื่อคัดค้านไม่ให้การเมืองเข้าแทรกแซงครอบงำ ธปท.