
‘เศรษฐา’ แจงลงพื้นที่ ‘สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี-ราชบุรี-เพชรบุรี’ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว
10 พ.ค. 2567 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการลงพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์หรือไม่ ว่า ตนเอาประชาชนเป็นที่ตั้งก่อน เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะไปทุกภาคส่วน ส่วนตัวแม้จะเป็นนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ก็ลงพื้นที่ที่มีทั้ง สส.พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย โดยต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาลงพื้นที่ภาคใต้ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่หลักการคือดูแลพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
“ฉะนั้น การลงพื้นที่สี่บุรีครั้งนี้เป็นการไปดูแลประชาชน ไปดูว่าตรงไหนสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ส่วนเรื่องการกระชับความสัมพันธ์นั้น แน่นอนว่าเราอยู่ร่วมกันหลายพรรค การให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นเรื่องสำคัญ และเย็นวันเดียวกันนี้ จะรับประทานอาหารที่บ้านนายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา” นายกฯ ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้ง 'คดีฮั้ว สว.' แค่ฟอกเงิน ชี้ชัดดีลการเมือง 'เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน'
'รังสิมันต์' ซัดประหลาด 'กคพ.' ตั้งคดีฮั้ว สว. แค่ฟอกเงิน ทำไมไม่ตั้งต้นที่อั้งยี่ซ่องโจร ชี้ชัดดีลการเมือง 'เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน' ข้องใจ กกต. ดึงคดีอืด
สอน 'พิชัย' ใช้สมองแก้ปัญหาข้าว มัวยุชาวนาปลูกกล้วย หลุดเก้าอี้ รมต. แน่
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "นายพิชัยต้องใช้สมองคิดเรื่องข้าวมากๆ" โดยระบุว่า
เตือนเฟกนิวส์! แจกเงินทายาทผู้สูงอายุที่เสียชีวิต
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์ แชร์ประเด็นเรื่องผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่เสียชีวิต ทายาทได้ 3,000 บาท ส่วนข้าราชการบำนาญได้ 30,000 บาท
'ฮั้ว สว.' ไหนเลยจะสู้ 'ฮั้ว 2 สี' คดีฟอกเงินแค่ตัวประกันการเมือง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ฮั้ว สว. หรือจะสู้ ฮั้ว 2 สี
'เทพไท' กระตุกรัฐบาลอย่าขี้ขลาดหั่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเหลือแค่ 1 วัน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา
ขยับเกมหรือพึ่งพาดีล? อนุทิน-ภูมิใจไทยในศึกการเมืองเชี่ยวกราก!
ท่ามกลางกระแสการเมืองที่กำลังเชี่ยวกรากในขณะนี้ “พรรคภูมิใจไทย” ภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” กำลังเผชิญกับจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ไม่เพียงในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ถือครองกระทรวงหลักหลายแห่ง แต่ยังเป็นตัวแปรสำคัญ