'ชาญชัย' จับโป๊ะ 'เศรษฐา-แพทองธาร' กางเอกสารมัดตัวก่อหนี้ประเทศ

'ชาญชัย' จับโป๊ะ 'นายกฯ-รมว.การคลัง' กางแผนก่อหนี้สาธารณะ 4 ปี จ่อเต็มเพดาน สูงถึง 14.9 ล้านล้านบาท ลั่น! ถ้าเก่งจริงต้องลดหนี้ ฟื้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่กู้มาใช้ จี้ทบทวนนโยบายใหม่ อย่าซ้ำรอยค่าเงินบาท ปี 2540

09 พ.ค.2567 - นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์  อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ นั้นว่า เอกสารที่มีอยู่ในมือ คือแผนการคลังระยะปานกลางปีงบประมาณ 2568-2571 ฉบับทบทวน โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ปี 2567 ที่รัฐบาลส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ได้บ่งบอกความเป็นจริง ว่ารัฐบาลกำลังจะสร้างหนี้สาธารณะให้กับประเทศ ซึ่งตามเอกสารดังกล่าว ระบุชัดว่า ในปี 2567 นี่คงค้างสาธารณะต่อ GDP จากปี 2566 ที่มีอยู่ 62.44% เพิ่มขึ้นในปี 67 เป็น 65.06% ยอดหนี้สาธารณะ จาก 11,131,634 ล้านบาทจะเพิ่มเป็น 11,876,780 ล้านบาท   ปี2568 จะเพิ่มหนี้สาธารณะ อีกเกือบ 2%  เป็น 66.93% หรือ 12,841,743 ล้านบาท    ปี2569 เพิ่มเป็น 67.53%  หรือ 13,618,214 ล้านบาท  ปี 2570 เพิ่ม เกือบเป็น 68% หรือ 14,307,506 ล้านบาท แสดงว่าตั้งแต่เป็นรัฐบาลจนถึงปี 2571 จะเป็นรัฐบาลครบ 4 ปี จะมีหนี้สาธารณะเพิ่มอีก 5% เป็นเงินอีกกี่ล้าน ๆ บาท ตนเองไม่ทราบ แต่อย่าไปแกล้งบอกว่า ผู้ว่าฯ ธปท. เป็นตัวอุปสรรค ขณะที่คุณกำลังจะก่อหนี้สินสาธารณะให้กับประเทศไทยและประชาชนต้องไปชดใช้หนี้ เงินจำนวนนี้คุณจะเอาไปทำอะไร  จะเอามาแจกใคร  หรือไปใช้จ่ายเรื่องอะไร และจะมีการทุจริตเท่าไหร่ ขอให้คุณทบทวนสิ่งเหล่านี้โดยดูหลักฐานราชการ ที่พวกคุณทำกันเอง โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีชื่อ รมว.การคลัง ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ที่กฎหมายวินัยการเงินการคลังกำหนดว่าจะต้องทำแผนไว้ล่วงหน้า คือแผนงานการคลังระยะปานกลาง

“แสดงให้เห็นว่า คุณมีแผนที่จะก่อหนี้สินสาธารณะเพิ่มไว้ก่อนแล้ว  จึงอยากบอกให้พี่น้องประชาชนทราบข้อเท็จจริงเหล่านี้ว่า คุณโกหกประชาชนเรื่องอะไรอีก  อย่าไปโทษ ธปท. เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้เงินในการบริหารประเทศ แต่เขามีหน้าที่ควบคุมเสถียรภาพทางการเงินของชาติให้น่าเชื่อถือ ไม่ให้ประเทศนี้ล่มจม”นายชาญชัยกล่าวและว่า อย่าให้เหตุการณ์ปี 2540 เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยซ้ำรอยอีก ฝากบอกพี่น้องประชาชนให้จับตาดูในเรื่องนี้ เอกสารเหล่านี้อยู่ในมือ และจะมาเปิดเผยอีกในครั้งต่อไป

นายชาญชัยยังฝากบอกรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ตัวเลขแผนเพิ่มหนี้อีก 5%  สูง เกือบ 70% ของหนี้สาธารณะว่า คุณไม่ได้เก่งจริง เพราะถ้าเก่งจริง คุณต้องลดหนี้ และให้คนมีงานทำ คือ  มีรายได้เข้า หนี้สินก็จะลดลงประชาชนจะอยู่เป็นสุขจริง แต่นี่คุณไม่ได้ทำตามที่คุณไปโฆษณาชวนเชื่อตามที่หาเสียงไว้ แต่คุณกำลังจะสร้างปัญหาให้กับประเทศ จากแผนงานที่กระทรวงการคลังนำเสนอผ่าน ครม. เข้าไปสู่สภาฯ  การที่รัฐบาลจะก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นทุกๆปี ที่คุยนัก คุยหนาว่าบริหารหนี้เศรษฐกิจเป็น ทั้งที่ข้อเท็จจริงทำให้ประเทศและประชาชนต้องลำบากไปด้วย   จึงขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายนี้ให้ดี เพราะจะเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศชาติต่อไป  ซึ่งถ้าหนี้สินเป็นอย่างนี้ตามเอกสารที่แผนงานการคลังระยะปานกลางของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยระบุ ก็แสดงว่าสภาวะเศรษฐกิจไทย ไม่ดีจึงต้องกู้เงินมาใช้จ่ายมากขึ้น

“การอ้างว่าคนอื่นขัดขวางเศรษฐกิจนั้น คงไม่ใช่ แต่พวกคุณกำลังสร้างปัญหาให้ประเทศโดยการสร้างหนี้ให้ประเทศชาติและทำให้เศรษกิจไทยไม่ดีขึ้นด้วย ดังนั้น อย่าโทษคนอื่น  แต่ขอให้กลับมาทบทวนนโยบายหนี้ใหม่ ประเทศชาติจะไม่เสียหายไปมากกว่านี้”นายชาญชัยกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ค้าชายแดน/ข้ามพรมแดนภาคเหนือของไทย : ความท้าทายและการปรับตัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ปลายเดือนที่ผ่านมาได้ไปร่วมงานเสวนาจัดโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่จังหวัดเชียงราย หัวข้อ “10 ปี การค้าชายแดนกับความสำคัญต่อพัฒนาการเศรษฐกิจภูมิภาค : อดีตที่ผ่านไปกับความท้าทายใหม่ที่กำลังจะมา” จึงขอนำความเห็นที่ได้นำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

‘สรรเพชญ’ เบรก รบ.อย่าคิดขายชาติ ย้อน ‘พท.’ อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำอีก

นายกรัฐมนตรีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่

เปิดใจ 'ชวน' วางมือการเมืองหรือลงเลือกตั้งต่อ? เชื่อ 'อภิสิทธิ์' ไม่ไปไหนรอกลับมาช่วย ปชป.

นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภากล่าวถึงอนาคตทางการเมืองของตัวเอง หลังเป็นส.ส.มา 17 สมัยติดต่อกัน หลังมีกระแสข่าวทั้งพรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ส่งนายชวน ลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าและกระแสข่าวเตรียมวางมือทางการเมือง