'สาทิตย์' ลากไส้รัฐบาลระบอบทักษิณ ดีเอ็นเอปลดผู้ว่าแบงก์ชาติเข้มข้น

7 พ.ค.2567- นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตส.ส.ตรัง หลายสมัย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวตำหนิการทำงานของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ว่าหลังจากที่น.ส.แพทองธาร ออกมาให้สัมภาษณ์เหมือนด้อยค่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ตนเห็นว่าทุกครั้งที่รัฐบาลที่มีนายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง คือ ปี 44 และ ปี 48 และรัฐบาลที่มีพรรคไทยรักไทย หรือ พรรค เพื่อไทย หรือ มีนอมินีของทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีปัญหากับแบงก์ชาติทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

“จริง ๆ คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 44 เคยใช้มติคณะรัฐมนตรีปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนั้น คือ มรว.จตุมงคล โสนกุล ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากตอนนั้นที่ปลดได้เนื่องจากเป็นกฏหมายธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับเก่า ซึ่งตอนหลังหม่อมเต่าได้ออกมาสัมภาษณ์ชัดเจนว่า เป็นเพราะรัฐบาลได้สั่งธนาคารให้ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำกับดูแลธนาคารพานิชย์ให้สั่งให้ธนาคารพานิชย์ปล่อยเงินกู้ให้กับ SME แต่หม่อมเต่าบอกว่าทำไม่ได้ เนื่องจากว่าการปล่อยกู้มันจะต้องมีหลักเกณฑ์ มันก็เลยทำให้คุณทักษิณซึ่งปกติเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่ตัวเองสั่งไม่ได้ อันนี้ก็เป็นคำตอบหนึ่งว่าทำไมคุณทักษิณจึงมีปัญหากับคำว่าประชาธิปไตย ก็จะอ้างประชาธิปไตยเฉพาะที่ตนได้รับเลือกตั้ง แต่ในระบอบประชาธิปไตยต้องมีระบบการตรวจสอบ เป็นคนไม่ยอมรับการตรวจสอบ”

ครั้งถัดมา สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 50-51 ตอนนั้น หมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี คนสนิทนายทักษิณเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มีความพยายามที่จะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คือ คุณ มาริสา วัฒนเกตุ แต่ทำไม่ได้ มีการแก้กฎหมายธนาคารไปเมื่อปี 49 ต่อ ปี 50 ยุคพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ เป็นที่มีของการเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย จนสุดท้ายคุณมาริสา วัฒนเกตุ นำคณะไปเข้าเฝ้าในหลวงซึ่งเป็นการไปถวายเงินของโครงการธนาคารแห่งประเทศไทย แล้วในหลวงก็มีพระราชดำรัส ขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งช่วยทำงานหนัก ช่วยดูแลเงินของประเทศชาติไม่ให้หมดไป จึงทำให้รัฐบาลของนายสมัครซึ่งเป็นนอมินีของนายทักษิณขณะนั้นยอมถอยเรื่องนี้

ต่อมา ในสมัยยุคน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น รัฐมนตรีคลังตอนนั้นคือ นายกิตติรัฐ ณ ระนอง ให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองเลยว่า มีความคิดจะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตอนนั้น คือ คุณประสาน ไตรรัตนวรกุล แต่ปรากฏว่าทำไม่ได้ ติดที่กฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับใหม่คุ้มครอง

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เข้าใจว่าพอแบงค์ชาติเขาทำเรื่องแย้งของเรื่องเงินดิจิตอล วอลเล็ตไป ก็อาจจะทำให้คนในรัฐบาลเพื่อไทยเกิดความขัดอกขัดใจ แต่ล่าสุด นายกเศรษฐา ออกมาพูดว่าไม่มีความคิดที่จะปลดและไม่มีความคิดที่จะแก้ไขกฏหมายธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนตัวไม่เคยเชื่อน้ำยานายกเศรษฐาเลย เพราะไม่เชื่อว่านายกเศรษฐาตัดสินใจเองได้ เพราะเพื่อไทยเขามีเจ้าของพรรคชัดเจน เชื่อว่าการพูดเหมือนโยนหินถามทาง อาจจะนำไปสู่การตอบสนองแนวทางความคิดของนายทักษิณมาตั้งแต่ต้น คือ รัฐบาลต้องสั่งการได้ทุกอย่างต้องปลดได้ทุกคน เขาไม่เชื่อในความเป็นอิสระของหน่วยงานธนาคารแห่งประเทศไทย

นายสาทิตย์กล่าวว่าขณะนี้เรื่องนี้มันทำให้หลายคนวิตกกังวลว่าถ้าทำอย่างนั้นได้จริง ความพินาศวอดวายของระบบการเงินการคลังของประเทศไทยคงจะต้องมาถึง เพราะระบบที่ถูกจัดเตรียมให้กับประเทศนี้ ก็คือ รัฐบาลดูแลนโยบายการคลัง แล้วทางธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลนโยบายการเงิน ซึ่งมันควรจะคานอำนาจกัน โดยเนื้อแท้รัฐบาลจะมุ่งหาเสียง ทำประชานิยม ทำอะไรก็แล้วแต่ ปั่นเศรษฐกิจให้ตัวเองดูดี แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องรักษาความมั่นคงเสถียรภาพทางการเงิน ตนคิดว่าเรื่องนี้ยังต้องจับตาดูว่าถึงที่สุดแล้ว รัฐบาลเพื่อไทยจะทำอย่างที่หัวหน้าพรรคซึ่งเป็นดีเอ็นเอของทักษิณพูดหรือไม่

“จากที่คุณอุ้งอิ้งออกมาพูดหลายคนบอกว่าเขาอ่านโพย ความจริงแล้วตนคิดว่า ดีเอ็นเอ สืบทอดกัน ผมคิดว่าความคิดไม่ต่างกัน เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่า คนที่มีอำนาจจริงๆ อยู่เบื้องหลังรัฐบาลคือใคร คิดอะไร เพราะตัวตนจริง ๆ เขาเป็นอย่างนั้น “

คำถามวันนี้คือว่า ในฐานะเป็นคนไทย เราจะทนเห็นสภาพแบบนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีปากไม่เสียงหรือ หรือจะออกมาช่วยกันแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างที่หลายคนทำไป อย่างนักข่าวอาวุโส คุณสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งออกมาพูดตรงมาก ตนมองว่า เรายืนบนการเมืองที่มันมุ่งแต่จะใช้อำนาจแบบเหลิงอำนาจ แต่ไม่ใช่เผด็จการณ์ คือ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วเหลิงอำนาจอย่างที่เป็นอยู่ แล้วทลายทุกการตรวจสอบ ตอนนี้มีความคิดว่าทำอย่างไรให้ฝ่ายค้านมีปฏิกิริยาในการคุมรัฐบาลน้อยที่สุด เช่น พยายามไปอ่อยบางพรรคให้เป็นรัฐบาลและพรรคก็เชื่อจริง ๆ ว่าจะได้เป็นก็ไม่มีบทบาทอะไรในเรื่องการค้านรัฐบาล หรือข่าวการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งก็เป็นหนึ่งในพรรคฝ่ายค้าน คือ ทุกอย่างตั้งแต่ยุคนายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วสืบทอดมา ความคิดแบบนั้นมันอยู่ในดีเอ็นเอมาตลอด ตนมองว่าเป็นจุดหนึ่งที่คนที่เขามีความรู้สึกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่นายทักษิณมามีอำนาจทางการเมืองประเทศเริ่มมีความเสี่ยง ตอนนี้มันเริ่มเห็นชัดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ครบ 1 ปี ด้วยซ้ำไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง

คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ

'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน

ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี

บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา