'ไอติม' ร่ายยาวจี้รัฐบาลทบทวนเรื่องคำถามประชามติแก้รัฐธรรมนูญ

24 เม.ย.2567 - นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ขอให้รัฐบาล ทบทวนคำถามประชามติ (ก่อนจะออกประกาศฯในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ) เพื่อลดความเสี่ยงที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสะดุดลง” ระบุว่า ผมและพรรคก้าวไกลเรายืนยันมาตลอดว่าเราสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นได้จริงโดยเร็วที่สุด

หลังจากการประชุม ครม. เมื่อวานนี้ รัฐบาลได้มีการแถลงเห็นชอบในหลักการให้เริ่มต้นเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามเส้นทาง “ประชามติ 3 ครั้ง” (ตามข้อเสนอของคณะกรรมการศึกษาฯ ที่ตั้งโดยรัฐบาลและนำโดยคุณภูมิธรรม เวชยชัย) โดยให้มีการจัดประชามติครั้งที่ 1 ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ด้วยคำถามที่ว่า:

“ท่านเห็นชอบหรือไม่ ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 (บททั่วไป) และ หมวด 2 (พระมหากษัตริย์)?”

ในขณะที่เรารอการเผยแพร่ มติ ครม. สู่สาธารณะ ( อ้างอิง: https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/82077 ) และรอการออกประกาศฯในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ ผมและพรรคก้าวไกลขอย้ำอีกรอบให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนเรื่อง “คำถามประชามติ” ดังกล่าว ซึ่งเรามองว่าเป็นคำถามประชามติที่มีปัญหาและเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สะดุดลงและไม่ประสบความสำเร็จ

1.คำถามประชามติของรัฐบาล เพิ่มความเสี่ยงที่ประชามติครั้งแรกจะไม่ผ่านความเห็นชอบของประชาชน เนื่องจากเป็นคำถามที่มีการ “ยัดไส้” เงื่อนไขหรือรายละเอียดปลีกย่อยในตัวคำถาม

- การบรรจุเงื่อนไขหรือรายละเอียดเรื่องหมวด 1-2 ในตัวคำถาม จะทำให้ประชาชนบางคนที่เห็นด้วยกับบางส่วนของคำถาม แต่ไม่เห็นด้วยกับอีกบางส่วนของคำถาม (เช่น เห็นด้วยกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ไม่เห็นด้วยกับการล็อกหมวด 1-2) อาจไม่แน่ใจว่าจะลงมติเช่นไร

- หากประชาชนแต่ละคนที่มีจุดยืนดังกล่าวตัดสินใจลงคะแนนไม่เหมือนกัน (เช่น บางคนลงคะแนน “เห็นชอบ” / บางคนลงคะแนน “ไม่เห็นชอบ” / บางคน “งดออกเสียง”) ก็จะหมายความว่าในบรรดาคนที่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะลงคะแนน “เห็นชอบ” เหมือนกันอย่างเป็นเอกภาพ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่ประชามติจะไม่ผ่าน (ยิ่งหากการแก้ไข พ.ร.บ. ประชามติ เรื่องเกณฑ์ “เสียงเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ทันประชามติครั้งแรก)

- หากประชามติไม่ผ่านเพราะเหตุผลดังกล่าว ก็ไม่เพียงแต่จะทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สะดุดลง แต่ยังจะก่อปัญหาในการตีความต่อไปในอนาคต ว่าเหตุผลที่ประชามติไม่ผ่านเป็นเพราะอะไร (เช่น เป็นเพราะประชาชนไม่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือ เป็นเพราะประชาชนไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขเรื่องการล็อกหมวด 1-2)

2.คำถามประชามติของรัฐบาล เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบปัญหาเชิงกฎหมาย

- เนื้อหาของรัฐธรรมนูญในแต่ละหมวดมีความสัมพันธ์กันโดยธรรมชาติ

- ดังนั้น เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ตั้งแต่หมวด 3 เป็นต้นไป) การแก้ไขข้อความหรือเนื้อหาใดๆในหมวด 3 เป็นต้นไป อาจนำไปสู่ความจำเป็นทางกฎหมายที่จะต้องแก้ไขบางข้อความหรือเนื้อหาในหมวด 1-2 ให้สอดคล้องกันกับหมวดอื่นๆ

- ตัวอย่าง: หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีการยกเลิกวุฒิสภาและหันมาใช้ระบบสภาเดี่ยว ก็ควรมีการตัดคำว่า “วุฒิสภา” หรือ “สมาชิกวุฒิสภา” ที่ปรากฎในหมวด 1-2 ออก (เช่น ในมาตรา 12 ที่กำหนดว่าองคมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิกวุฒิสภา) เนื่องจากไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวุฒิสภาแล้ว

- แต่หากหมวด 1-2 ถูกล็อกไว้ การแก้ไขข้อความดังกล่าวจะทำไม่ได้และอาจนำไปสู่ปัญหาเชิงกฎหมาย

3.คำถามประชามติของรัฐบาล เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างได้และไม่สะท้อนฉันทามติใหม่ของประชาชนทุกคนในสังคมได้อย่างแท้จริง

- ที่ผ่านมา การแก้ไขเนื้อหาใน หมวด 1-2 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปกติ ทุกครั้งที่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (รวมถึงตอนจัดทำรัฐธรรมนูญ 2540 / 2550 / 2560)

- ยิ่งไปกว่านั้น มาตรา 255 ของรัฐธรรมนูญได้ห้ามไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ให้มีการการแก้ไขเนื้อหาในรัฐธรรมนูญ (ไม่ว่าในหมวดใด) ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองหรือรูปแบบรัฐ

- ดังนั้น หากประชาชนบางกลุ่มอยากปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนในหมวด 1-2 โดยที่การแก้ไขดังกล่าวไม่เป็นการกระทบรูปแบบการปกครองหรือรูปแบบรัฐ การไปล็อกไม่ให้เขาแม้กระทั่งได้เสนอความเห็นของเขาด้วยเหตุและผลอย่างมีวุฒิภาวะในพื้นที่ที่ควรปลอดภัยอย่าง สสร. (แม้ในที่สุด สสร. ส่วนใหญ่อาจจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา) อาจทำให้การแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองในบริบทปัจจุบันมีความท้าทายมากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่ถูกมองว่าสะท้อนฉันทามติใหม่ของประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง

ข้อกังวลทั้งหมดที่เรามีต่อคำถามประชามตินี้ เป็นข้อกังวลที่เราได้พยายามสะท้อนต่อรัฐบาลและต่อสาธารณะมาอย่างต่อเนื่อง

ในเมื่อการทำประชามติแต่ละครั้งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,000+ ล้าน และต้องอาศัยเวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะออกแบบคำถามประชามติที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สะดุดลงโดยไม่จำเป็น

เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว ทางผมและพรรคก้าวไกลจึงขอเสนออีกครั้งก่อนที่จะสายเกินไป ให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนและหันมาใช้คำถามหลักของประชามติครั้งแรกที่เปิดกว้าง (เช่น “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่?”) ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกคำถามประชามติที่ทางคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นฯ ของรัฐบาลเอง (นำโดยคุณนิกร จำนง) เคยได้เสนอให้คณะกรรมการศึกษาฯของรัฐบาลพิจารณา เพื่อเพิ่มโอกาสที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยจะประสบความสำเร็จ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วันนอร์' พร้อมบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกร่างหากไม่ขัด รธน.-ข้อบังคับ

'วันนอร์' รับนัด​ 'กมธ.พัฒนาการเมือง' หารือ 27 พ.ย.นี้แล้ว​ บอกพร้อมบรรจุทุกร่างหากไม่ขัดรธน.​- ข้อบังคับ​ ชี้​ ดูคร่าวๆ ร่าง ปชน.​ แก้รายมาตรา​ ก่อนนัดวิป​ 3 ฝ่าย​ประชุมสภาต้น​ ธ.ค.นี้ ​

เพื่อไทยเฮ! 'พิศาล' ลาออกแล้ว เหตุการณ์อะไรที่พรรคต้องรับผิดชอบถือว่าจบ

ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานสส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมพรรคเพื่อไทยที่

'7 บิ๊กขรก.' พึงสังวร! หนีคดีตากใบ ต้องอยู่กับรอยเปื้อนใหญ่ตลอดชีวิต

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผู้ต้องหาที่หลบหนีในคดีตากใบ ล้วนเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงทั้งสิ้น อาทิ

เลขาฯพท. ย้ำไม่ได้อุ้ม​ ​'พิศาล' ขึงขังขับพ้นพรรค

"เลขาฯพท." ย้ำไม่ได้อุ้ม​ ​ "พิศาล" พยายามติดต่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม​ ขู่​ ขับพ้นพรรค หากกลับมาหลังคดีขาดอายุความ​ ไม่กังวลกระทบฐานเสียง​

พท.ปัดสวะพล.อ.พิศาล อึ้ง! ผู้ต้องหาตากใบหาย

“เพื่อไทย” พาเหรดถีบ “พล.อ.พิศาล” ยันไม่ใช่เรื่องของพรรค เป็นเรื่องส่วนบุคคล “วิสุทธิ์” บอกไม่มีใครใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ สมัยประชุมจับกุมคุมขังไม่ได้ “พปชร.”

'ธนกร' ติง 'ปชน.' หมกมุ่นแต่การเมือง ไม่สนความเดือดร้อนประชาชน

“ธนกร” ติง ปชน.ชง 7 แพ็คเกจสุดซอยจ้องแก้รธน.ทั้งฉบับคู่รายมาตรา มอง อ้างประชาธิปไตยหมกมุ่นแต่การเมือง จนไม่สนความเดือดร้อนประชาชน