โฆษกรัฐบาล แจงเสียงวิจารณ์ดิจิทัลวอลเล็ตเงินเข้ากระเป๋าเจ้าสัว ยกตัวเลขร้านค้าลงทะเบียนคนละครึ่งยุคลุงตู่ ยันรัฐบาลไม่ตั้งข้อรังเกียจกลุ่มธุรกิจเติบโตบนระบบถูกต้องยอมเสียภาษี
23 เม.ย.2567 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมครม. มีการขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ภายหลังจากที่มีการประชุมหารือไปหลายรอบสุดท้ายได้ข้อสรุปเป็นหลักการ ของโครงการเงื่อนไขผู้ที่ได้รับ 50 ล้านคน อายุ 16 ปีขึ้นไป มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 840,000 บาท มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท และจะต้องมีการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ส่วนการใช้จ่าย จะใช้จ่ายในเขตอำเภอตามทะเบียนบ้าน และใช้ในร้านค้าปลีกขนาดเล็ก โดยรายละเอียดกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้กำหนดว่าร้านค้าขนาดเล็กหมายถึงร้านใดบ้าง และประชาชนมือที่ 1 มีกรอบเวลาการใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทภายใน 6 เดือน เพื่อให้จบในโครงการ
นายชัย กล่าววว่า ขณะที่ร้านค้ามือที่ 1 ที่ขายของให้ประชาชนที่นำเงินดิจิทัลไปใช้ ร้านค้ากลุ่มนี้เป็นร้านอะไรก็ได้ แม้กระทั่งหาบเร่ แผงลอย ก็สามารถลงทะเบียนใช้สิทธิ์เป็นร้านค้าได้ แต่เมื่อขายของแล้ว ได้เงินดิจิทัลมาแล้ว ยังไม่สามารถนำไปขึ้นเป็นเงินได้ โดยจะต้องนำไปใช้ต่อเป็นรอบที่ 2 ซึ่งร้านค้าที่ขายให้ประชาชนมือ 1 ที่ผ่านมาแล้ว จะนำไปซื้อของต่อที่ใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเขตอำเภอสามารถซื้อข้ามเขตจังหวัดได้ และผู้ที่จะขึ้นเงินได้จะต้องเป็นเงินดิจิทัลที่ผ่านการใช้ 2 รอบมาแล้วเป็นขั้นต่ำ และร้านค้านั้นๆจะต้องอยู่ในระบบภาษีของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีนิติบุคคล หรือภาษีบุคคลธรรมดา ตามมาตรา 40 ( 8) ของประมวลรัษฎากร ซึ่งสินค้าที่ยกเว้น ไม่สามารถซื้อได้ เช่น สินค้าบริการ เชื้อเพลิง อบายมุข สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องประดับ โดยจะต้องเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเริ่มเปิดให้มีการลงทะเบียนในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ และจะเริ่มใช้ได้ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินทั้งหมด 5 แสนล้านบาทจะมาจากงบประมาณทั้งหมด โดยเป็นงบประมาณปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาท งบประมาณปี2568 วงเงิน 157,200 ล้านบาท และงบประมาณที่มาจากการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐเช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อีก 172,300 ล้านบาท ส่วนร้านค้าจะกำหนดเวลาให้แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง แต่ระยะเวลาการดำเนินโครงการโครงการแลกเงินคืนทั้งหมดไม่เกินกันยายน 2569
นายชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังในฐานะเป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการ ประโยชน์ที่จะได้ในโครงการนี้ปีงบประมาณ 2568 จะสามารถกระตุ้น GDP ได้ 1.2 - 1.8% ประโยชน์ของโครงการนี้ จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายๆโครงการในอดีตที่ผ่านมา ผลของการกระตุ้นไม่ได้จบเพียงปีเดียว ในทางเศรษฐกิจนักวิชาการกระทรวงการคลัง ได้จับตัวเลขมาโดยตลอดว่า แนวโน้มของการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่ครอบคลุม 3-4 ปี ไม่ใช่ปีแรก 1.2 ถึง 1.8 แล้วจบปีที่ 2 ถึงปีที่ 3 ก็จะยังมีการเติบโต ซึ่งตนได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านเศรษฐกิจการคลังมาแล้วว่า การกระตุ้นเที่ยวนี้ โดยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งกำกับควบคุมว่าจะต้องใช้กับการซื้อสินค้าที่มีผลต่อ จีดีพีสูง จะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนประมาณ 3.2 - 3.5 รอบ หรือ money multiplier แต่จะก่อให้เกิดตัวทวีคูณทางการคลังจะเกิดขึ้นประมาณ 1.2 - 1.4 เท่าของเม็ดเงิน 5 แสนล้านที่ใส่ไป นั่นหมายถึง 650,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวเลขจีดีพีที่จะโตใน 3 ปี
นายชัย กล่าวว่า ในส่วนนี้ไม่ได้มีการพูดในที่ประชุมครม.แต่จากการที่ตนได้ไปศึกษาข้อมูลถึงข้อห่วงใยและข้อครหาว่าโครงการนี้ถูกออกแบบมาและจะทำให้เงินไหลเข้ากระเป๋าเจ้าสัว และร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น จากการตรวจสอบร้านสะดวกซื้อปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 14,500 สาขา ซึ่งมีเพียงครึ่งหนึ่ง เป็นของบริษัทเอกชน(บริษัท ซีพีออลล์)โดยตรง แต่ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นแฟรนไชส์ และเมื่อเทียบกับจำนวนร้านค้าขนาดเล็ก และร้านค้าย่อย จากการลงตัวเลขในโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลที่ผ่านมา กระทรวงการคลังรายงานวานนี้ว่า มีตัวเลขร้านลงทะเบียน 1.2 ล้านร้าน เส้นทางกระทรวงการคลังคาดว่าร้านค้าเหล่านี้มีโอกาสสูงที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นที่ประชาชนจะนำเงินดิจิทัลไปใช้ได้รอบแรกประมาณ 1.2 ล้านร้าน ส่วนข้อกังวลว่าจะผูกขาดร้านสะดวกซื้อ 14,500 บาทสาขา อีกครึ่งหนึ่งเป็นของ แฟรนไชส์ ขอให้เปรียบเทียบดู ร้านสองแสนกับหมื่นกว่า มันไกลกันเยอะเพราะฉะนั้นโอกาสที่ประชาชนจะไปใช้จ่าย ไม่เข้ากระเป๋าของเจ้าสัวมีสูง และหากมองในแง่ไม่เกินการใช้จ่ายร้านค้าปลีกทั้งประเทศปีหนึ่งจะใช้ 4.1 ล้านล้านบาท แต่ร้านสะดวกซื้อ ไม่มีคนพยายามจะให้ข้อมูล เพื่อให้เข้าใจผิดกัน ปีหนึ่งมีมูลค่าการซื้อขายเพียง 3.8 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับ 4.1 ล้านล้านบาท ดังนั้นในข้อเท็จจริง ไม่เป็นไปอย่างที่กังวลใจ
นายชัย กล่าวอีกว่า ไม่ว่าประชาชนจะไปซื้อในร้านของใครก็ตาม ร้านนั้นจะเป็นบริษัทเป็นแฟรนไชส์ หรือโมเดิร์นเทรดขนาดเล็ก ซื้อ100 บาท อย่างน้อยคนที่ขายของ ต้องนำเงิน 60-70 บาท ไปซื้อสินค้าใหม่เนื่องจากเป็นห่วงโซ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านใดก็ย่อมมีการนำเงินมาหมุนเช่นกัน เพื่อนำสินค้ามาขายใหม่ จะเก็บเข้ากระเป๋าทั้งหมดไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อซื้อสินค้ามาขายอยู่ รัฐบาลไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจ ว่าเงินที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ควรเข้ากระเป๋าใคร หรืออย่างไร เราไม่ได้มองอย่างนั้น รัฐบาลมองว่า ถ้าเม็ดเงินนี้ผ่านนี้ผ่านมือประชาชนไปแล้ว เอาไปใช้จริงร่วมกันใช้อย่างเต็มที่ ผ่านกลไกทางด้านการค้า และในที่สุดเงื่อนไขการเบิกเงินก็ต้องเป็นผู้เล่นที่เป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี จึงจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยคิดที่จะตั้งเงื่อนไข กีดกันใครก็ตามที่ทำมาหากินแล้วประสบความสำเร็จ เติบโตขึ้นมาบนระบบที่ถูกต้อง ยอมเสียภาษี และวันหนึ่งจะมาถูกต้องข้อรังเกียจว่าคุณหมดสิทธิ์เราจะไม่ทำอย่างนั้น
“วันนี้มติครม.เห็นชอบในหลักการทั้งหมด ที่คณะกรรมการฯเสนอมา แต่คำว่าเห็นชอบในที่นี้ คือเห็นชอบในตัวหลักการ แต่เวลาปฏิบัติจากนี้ไปทุกฝ่ายเกี่ยวข้อง กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ จะต้องไปทำรายละเอียด โดยมีการคำนวณไทม์ไลน์แล้วว่าจะทันในการลงทะเบียนในไตรมาส 3 อย่างแน่นอน การจ่ายเงินการโอนรัฐบาลจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างแน่นอน ทั้งกฎหมายการเงิน การทำโครงการใดก็ตามจะต้องมีเม็ดเงินที่เรียกว่า เม็ดเงินครบเต็มจำนวน /การจะใช้เงินตามมาตรา 28 รัฐบาลจะมีการสอบถามอย่างถูกต้อง เช่นประเด็นธกส. นายกรัฐมนตรีสั่งในที่ประชุมว่าให้ทำเรื่องเป็นทางการประเด็นไหนให้ถามกฤษฎีกาให้กฤษฎีกาตอบอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนและรัฐบาลจะทำให้โปร่งใสให้สิ้นข้อสงสัย”นายชัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เดือด 'โฆษกรัฐบาล' แบกปลาหมอคางดำ โยนบาปให้เกษตรกร
'ณัฐชา' อัด 'โฆษกรัฐบาล' แบก 'ปลาหมอคางดำ' โยนบาปให้เกษตรกร ขอ อย่าลอยตัวอยู่ในห้องแอร์ ต้องระดมแก้ปัญหาช่วยเหลือ
จี้รัฐบาลตอบ 'ใครได้ประโยชน์' ก่อนแจกเงินหมื่นผ่าน 'แอพฯทางรัฐ'
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
'นายก' ชวนประชาชนบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติในหลวง
นายกฯ เชิญชวนประชาชนแบ่งปันธารน้ำใจ บริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี ถึงสิ้นเดือนธ.ค.67 เฉลิมพระเกียรติในหลวง
สงสารประเทศไทย! แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ทุกอย่างจะกลับมาดี เป็นแค่ฝัน
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่าไม่แปลกใจที่งบประมาณกลางปี 2567 ซึ่งรัฐบาลขอตั้งเป็นพิเศษอีก 1.22 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้กับการแจกเงิน
พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.
แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน
ยี้ปุ๋ยคนละครึ่งขอไร่ละ1พัน
เช็กเสียงโหวตงบดิจิทัล อึ้ง!ฝ่ายค้านหาย 21 เสียง 6 งูเห่าหนุนรัฐบาล