‘วิโรจน์’ เห็นด้วยในหลักการ หลัง ‘สุทิน‘ เสนอแก้ ’กฎหมายกลาโหม‘ สกัดรัฐประหาร แต่ต้องแก้ให้ถึงแก่น ไม่ใช่แค่ผิว ชี้ เป้าหมายสูงสุด คือทำให้กองทัพไม่อยู่ในฐานะรัฐอิสระ แนะ ควรปรับสัดส่วน ‘สภากลาโหม’ ให้เหลือแค่ 11 คน-มีทหารไม่เกินกึ่งหนึ่ง
21 เม.ย.2567-นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เสนอสภากลาโหมรับทราบร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ซึ่งได้ให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้าราชการทหารผู้ใด ที่ใช้กำลังทหาร เพื่อยึดหรือควบคุม อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาล หรือเพื่อก่อการกบฏว่า ตนเห็นด้วยในหลักการอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ควรแก้ให้ถึงแก่น ไม่ใช่แค่ผิว เพราะเป้าหมายสูงสุดในการแก้คือ ทำให้กองทัพไม่อยู่ในฐานะรัฐอิสระ หรือ รัฐซ้อนรัฐ และอำนาจการตัดสินใจของกองทัพจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลพลเรือน แต่ที่นายสุทินเสนอเป็นเพียงการแก้แค่องค์ประกอบเท่านั้น ยังไม่ถึงแก่น
“ควรปรับแก้อำนาจของสภากลาโหมด้วย ให้มีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ส่วนการตัดสินใจใดๆ ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐมนตรี ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลพลเรือน ส่วนการให้สภากลาโหมมีอำนาจในการวีโต้หรือเห็นแย้งคำสั่งนั้น จะต้องเป็นสถานการณ์เฉพาะ เช่น ในภาวะศึกสงคราม เป็นต้น แต่ในภาวะทั่วไปถ้าสภากลาโหมมีอำนาจเหนือรัฐมนตรี คิดว่าไม่ถูกต้อง ที่สำคัญ การแต่งตั้งทหารระดับนายพล ก็ควรอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และมี ระบบคุณธรรมกำกับ คือมีหลักเกณฑ์ชัดเจน ไม่มีระบบเส้นสายอุปถัมภ์ ไม่มีการวางเครือข่ายของตนเอง เพื่อมานั่งทับความผิดของอดีตผู้บังคับบัญชาของตนเอง และทั้งหมดนี้ ควรอยู่ภายใต้อำนาจของฝ่ายบริหาร ซึ่งสภากลาโหมไม่ควรมาแทรกแซงได้”
ถามว่าจะทำให้เกิดการกลั่นแกล้งได้หรือไม่ นายวิโรจน์ ระบุว่า มีกลไกของศาลปกครองอยู่แล้ว ทำไมต้องมีกระบวนการยุติธรรมเป็นของตนเอง ข้าราชการกระทรวงอื่นยังใช้กลไกของศาลปกครองได้ แต่ทำไมกระทรวงกลาโหมถึงใช้กลไกของสภากลาโหม
“สัดส่วนของสภากลาโหม ในจำนวน 24 คน มีสัดส่วนของข้าราชการทหารถึง 19 คน ผมมองว่า หากปรับลดให้เหลือเพียง 11 คน แล้วให้มีข้าราชการทหาร 5 คน หรือจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่ง และให้อำนาจกับข้าราชการ หรือคนที่ทางรัฐบาลแต่งตั้งมา ซึ่งอาจเป็นนายทหารเดิมที่มีความเชี่ยวชาญสัก 6 คน ก็จะกำลังดี เพราะหากมีข้าราชการทหารจำนวน 19 คน จาก 24 คน สัดส่วนที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นมา ก็แทบจะไม่มีเลย”
ถามว่ากรณีที่นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุการแก้กฎหมายกลาโหม ให้ฝ่ายการเมืองโยกย้ายทหารได้ โดยไม่ต้องมีพระบรมราชโองการเป็นเรื่องมากไปแล้ว นายวิโรจน์ ย้ำว่า กลไกการแต่งตั้งทหารระดับนายพล ก็ต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถิตสถาพรอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ การแต่งตั้งนายทหารระดับสูง หรือการแต่งตั้งอธิบดีระดับกระทรวง ก็ควรอยู่ในระบบระเบียบเดียวกัน ทำไมกระทรวงกลาโหมถึงต้องแยกไปเป็นระบบที่แตกต่าง ถ้าการแต่งตั้งของกระทรวงกลาโหม ต้องโยงใยกับพระบรมราชโองการ แล้วจะไม่เกิดคำถาม กับการแต่งตั้งของข้าราชการกระทรวงอื่นๆ หรือ ตนมองว่า ระบบเดิม ที่มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เป็นเรื่องที่เหมาะสมอยู่แล้ว และทำอย่างนี้มาช้านาน ยืนยันว่า ที่ผ่านมาพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ทรงแต่งตั้งนายทหารระดับนายพลด้วยพระองค์เองเลย เพราะเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย
“ผมเกรงว่าการสื่อสารในลักษณะแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และเป็นการดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาเกี่ยวพันกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูง เรื่องนี้ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องย้ำว่า การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงใดๆ หรือนายทหารระดับนายพล พระมหากษัตริย์ไม่ได้ทรงใช้พระราชอำนาจตามพระราชอัธยาศัย ในการแต่งตั้งเลย ต้องมีผู้รับสนองฯ ตามระบบระเบียบของระบอบประชาธิปไตย เพราะเราไม่ได้อยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่พระมหากษัตริย์จะเข้ามาแทรกแซงได้”
นายวิโรจน์ ย้ำด้วยว่า การสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่า การแต่งตั้งข้าราชการทหารระดับสูง เป็นการใช้พระราชอำนาจตามพระราชอัธยาศัย ถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เพราะหากนายทหารระดับสูงคนนั้น ไปกระทำเรื่องไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไปรังแกเอาเปรียบกดขี่ประชาชน ก็ย่อมระคายเคืองเบื้องพระยุคคลบาทโดยไม่สมควร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' ไม่ขีดเส้นตาย 'ทัพเรือ' ชี้แจงเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเป็นของจีน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ หลังสั่งการให้กองทัพเรือไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ CHD620 ของจีน และการขยายสัญญา 1,217 วัน
'รองอ้วน' เมินกระแสต้าน 'กิตติรัตน์' นั่งประธานบอร์ดแบงค์ชาติ อ้างเป็นไปตามข้อกฎหมาย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่าคณะกรรมการคัดเลื
'ภูมิธรรม' เชื่อ ปม 'เขากระโดง' ไม่สร้างขัดแย้ง 'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย' ว่าไปตามกฎหมาย
ที่ทำเนียบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี นายสุริยะ จึงรุ่งเรือ
'ภูมิธรรม' แบ่งงาน 'บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กรอย-สุรสิทธิ์-ธิติรัฐ' ลุยงานมั่นคง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้นำนายธิติรัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ
'จา สิงห์ชัย' ร่วมบายศรีสู่ขวัญ ก่อนส่งน้องชายก้าวสู่กรมทหาร
นับเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัว ของ ศิลปิน “จา สิงห์ชัย” ที่มีน้องชาย ได้เกณฑ์ทหารจับได้ใบแดง ถือเป็นเกียรติของครอบครัว ก่อนส่งน้องชายเข้ากรม ทางครอบครัวซึ่งจะมี คุณยาย (คุณแม่พี่ไผ่ พงศธร) คุณพ่อ คุณแม่ และญาติผู้ใหญ่มาตุ้มมาโฮมกัน ได้เชิญหมอสู่ขวัญหรือสูตรขวัญ (หมอพราหมณ์) ทำพิธี ส่งขวัญน้องชาย
'สหายอ้วน' โยนถาม 'ป.ป.ช.- ตร' ปมขอเวชระเบียน 'ทักษิณ' ชั้น 14 รพ.ตรวจ
ที่ทำเนียบรัฐบาลนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแล คณะกรรมการนโยบายตำรว