'ก้าวไกล' งดออกเสียงญัตติส่งศาลวินิจฉัยอำนาจรัฐสภา 'ชัยธวัช' ด่าศาลรธน.

29 มี.ค.2567 - ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาญัตติ เรื่องขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ของนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ เป็นผู้เสนอ

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สาระสำคัญของญัตติคือปัญหาที่ตัวเราเองไม่เข้าใจตัวเราเองว่า มีอำนาจในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ พวกตนเข้าใจความตั้งใจดีของผู้เสนอญัตติ และยืนยันว่าเราไม่ปรารถนาจะขัดขวางญัตตินี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามพวกตนสมาชิกพรรคก้าวไกลมีความจำเป็นที่จะต้องขอสงวนความเห็นไว้ใน 2 ประเด้นสำคัญคือ1.เห็นว่าเมื่อประธานฯไม่บรรจุร่างรัฐธรรมนูญฯของนายชูศักดิ์ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสถานั้นเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภา รวมทั้งไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

และ2.ในกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ พวกเราไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าพวกเรามีอำนาจที่จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่

“พูดง่ายๆรัฐสภาไม่จำเป็นต้องไปถามศาล หรือขออนุญาตตุลาการ 7 คน ในสิ่ที่พวกเรามีอำนาจชัดเจนอยู่แล้วในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยไม่จำเป็นนั้นยังมีปัญหาอย่างอื่นด้วย เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการไปเปิดช่องหรือสนับสนุนให้ศาลรัฐธรรมนูญขยายอำนาจของตนเอง จนเสียสมดุลทางอำนาจในระบบรัฐสภา ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ กับศาลรัฐธรรมนูญมากขึ้น พวกผมจึงเห็นว่าการใช้ดุลพินิจในการไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯเข้าสู่สภาฯไม่ถูกต้อง เพราะร่างของนายชูศักดิ์ไม่มีบทบัญญัติใดเลยที่ขัดรัฐธรรมนูญ”นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/64 โดยละเอียดแล้ว ผมยืนยันว่าไม่มีข้อความตรงไหนเลยที่วินิจฉัยว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มิใช่แก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา จึงไม่สามารถบรรจุให้รัฐสภาพิจารณาบรรจุได้ ศาลรัฐธรรมนูญเพียงแต่เห็นว่าวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 60 หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ก่อนที่จะเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมเข้าสู่สภา และในรายละเอียดพบว่าควรทำประชามติ 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกหลังรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมผ่านวาระที่3 แล้ว ครั้งที่2 หลังจากที่มีการจัดทำร่างรัฐธรรมเสร็จแล้ว

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เห็นชัดเจนว่ารัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไพ้ และการพิจารณาร่างรัฐแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวดใหม่ทำได้โดยไม่ต้องทำประชามติก่อนเข้าสู่การพิจารณาวาระที่1วาระที่2 แต่เมื่อประธานรัฐสภามีดุลพินิจไปอีกอย่าง พวกตนเห็นว่ารัฐสภายังสามารถหข้อยุติเรื่องนี้ได้ด้วยกลไกลของรัฐสภาเอง เช่นสามรถเสนอญัติให้สมาชิกรัฐสภาปรึกษาหารือแสดงความคิดเห็นได้ หรือลงมติว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับประธานรัฐสภา สุดท้ายตนเชื่อว่าเมื่อเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกรัฐสภาเห็นอย่างไร ประธานสภาก็คงจะดำเนินการไปตามนั้น เราตีความอำนาจของตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปขออนุญาตใคร เมื่อไม่มีเหตุจำเป็นต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องที่เรามีอำนาจอยู่แล้ว พวกตนก็ไม่สนับสนุนให้ยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาการยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยหลายครั้งกลายเป็นการเปิดช่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของตนเอง บางครั้งก็ตีความรัฐธรรมนูญเกินบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นผู้ผูกขาดตีความแต่เพียงผู้เดียวไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญกำลังกลายเป็นรัฐธรรมนูญเสียเอง วินิจฉัยอย่างไรก็ได้ แล้วอ้างว่าคำวินจฉัยผูกพันทุกองค์กร บีบให้สถาบันทางการเมืองอื่นสยบยอม ยอมจำนนกันหมด หากพวกเรายังมีส่วนร่วมในการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองแบบนี้ต่อไปในอนาคตระบอบการเมืองของเราที่ควรอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ปกครองด้วยรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นระบอบการเมืองที่ปกครองด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

“ด้วยเหตุและผลที่กล่าวมาทั้งหมด พวกผมและสมาชิกพรรคก้าวไกล จึงขอสงวนความเห็นไว้ในที่ประชุมรัฐสภาแห่งนี้ด้วยการงดออกเสียงในญัตตินี้ ไม่ใช่เพราะต้องการขัดขวางการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และไม่ใช่เพราะต้องการขัดขวางญัตตินี้ เพราะเชื่อว่าในวันนี้เสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภาที่มาจากสส.ฝั่งรัฐบาลมากพออยู่แล้วที่จะให้ญัตติฉบับนี้ผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหา แต่พวกผมขออนุญาตงดออกเสียงเพื่อส่งเสียงเตือนให้รัฐสภาแห่งนี้ช่วยกันทบทวนและแก้ไขระบอบการเมืองของพวกเราในอนาคต เพื่อให้ระบบประชาธิปไตยมีดุลยภาพระหว่างสถาบันการเมืองต่างๆ โดยมีอำนาจของประชาชนเป็นอำนาจสูงสุด”นายชัยธวัช กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนาคตไกล' คลี่ปม 'ลุงชาญ' กรณีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

“อนาคตไกล” คลายปม “ชาญ พวงเพ็ชร”การสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นดุลพินิจของศาล คำชี้ขาดคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ผูกพันองค์กรอื่น

ศาลรธน.มติ 6 ต่อ 3 ชี้โทษอาญา ตาม พ.ร.บ.เช็คไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัย ว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คปี 2534 มาตรา 4 วรรคสอง เฉพาะในส่วนโทษทางอาญา ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

'พิธา' ทวงบุญคุณเอ็มโอยูยกเก้าอี้ประธานสภาให้จี้เร่งทำ 3 เรื่อง

'พิธา' ทวงสัญญาพรรคการเมือง-ครม. กลางสภายกเอ็มโอยูตั้ง รบ.ไม่สำเร็จ แต่ขอให้ผลักดัน 3 ข้อ รัฐสภาก้าวหน้า-นิรโทษฯ-ปฏิรูปกองทัพ

'บิ๊กป้อม' เปิดบ้านป่ารอยต่อ คุย สส.พปชร. ย้ำทำหน้าที่ กมธ.งบ 68 อย่างรอบคอบ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค

'ไอติม' ยันก้าวไกลไม่ได้หนุน 'บิ๊กแจ๊ส' ชิงนายก อบจ.ปทุมธานี

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี สส.ของพรรคก้าวไกล โพสต์แสดงความยินดีกับ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) ที่ชนะการเลือกตั้ง