ศาลอาญาคดีทุจริตฯนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้องสมาชิกพรรคก้าวไกล ฟ้อง กกต.ปฏิบัติ2 มาตรฐานยังไม่ยื่นยุบพรรคภูมิใจ เเต่เร่งรีบยื่นยุบพรรคก้าวไกลก่อน 9 เม.ย.นี้
27 มี.ค.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ วันที่ 22 มีนาคม ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำสั่งในคดีที่ เรือเอก ย. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณกรรมการการเลือกตั้งทั้ง6 เเละเลขาฯกกต.กับพวกรวม 7 คน คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 58/2567 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 พรป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งพ.ศ. 2560 มาตรา 69 พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 149 พรป.ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นสมาชิกพรรค ก้าวไกลคนหนึ่ง จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย โดยที่จำเลยทั้งหก ซึ่งเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งและจำเลยที่7 ซึ่งเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมีชอบ ระหว่างวันที่17 ม.ค.-18 มี.ค.2567
จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน สืบเนื่องมาจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่
1/2567 ในคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ และจำเลย ทั้งหมดทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วแต่ไม่ดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา92 โจทก์ได้ทำหนังสือ และส่งหนังสือฉบับหนึ่งส่งถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งและหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้พิจารณายื่นคำร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ภูมิใจไทยและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคตามกฎหมายดังกล่าว
จำเลยทั้งหมดได้รับทราบความประสงค์ของโจทก์แล้วแต่กลับเพิกเฉยการกระทำของจำเลยทั้งหมดจึงมีเจตนาร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมีชอบ ไม่ดำเนินการกับพรรค ภูมิใจไทยตามหน้าที่และอำนาจของตนพฤติการณ์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการประวิงคดีให้เนิ่นช้าเกินสมควรไม่ได้ดำเนินการใดๆ ตามอำนาจและหน้าที่ของพวกตนตามกฎหมายที่จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูให้ยุบพรรคภูมิใจไทยและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคตาม พรป.ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 2 แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งเจ็ดมีเจตนาร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือเพิกเฉย ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีของนายศักดิ์สยามเลขาธิการพรรค ภูมิใจไทย ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.2567
ก่อนกรณีของนาย พ. และพรรค ก. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไป เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 จึงเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัด ศาลรัฐธรรมมนูญมีมติวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนาย ศักดิ์สยาม เลขาธิการพรรค ภูมิใจไทย ผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170วรรคหนึ่ง (5) นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้
ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา82 วรรคสอง คือ วันที่ 3 มี.ค.2566
การกระทำกรรมที่สอง เมื่อระหว่างวันที่31 ม.ค.2567 เวลากลางวันต่อเนื่อง ถึงประมาณ 18 มี.ค.2567 จำเลยทั้งเจ็ดซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐและกระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐมีเจตนาร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากวันที่ 31 ม.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่3/2567
กรณีของนาย ธ. ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตาม มาตรา49 ของรัฐธรรมนูญว่าการกระทำของนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ถูกร้องที่1 และพรรค ก้าวไกลผู้ถูกร้องที่2 ที่เสนอ พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2566ของพรรค ก้าวไกล ว่าเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยแล้วว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
ต่อมาในวันที่ 1 ก.พ.2567 นาย ร. ในฐานะประชาชนและสมาชิกพรรค พ. ได้ยื่นคำร้อง ต่อสำนักงานของจำเลยทั้งเจ็ดมีเจตนาให้จำเลยส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยยุบพรรค ก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเหตุเพราะกระทำการฝ่าฝืนฝ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) และต่อมาในวันที่ 12 ก.ค.2566 นาย ธ. ได้ไปยื่นคำร้องที่สำนักงานตัวแทนของจำเลยทั้งเจ็ดโดยมีเจตนาเดียวกันกับนาย ร. ซึ่งต่อมาในวันที่ 12 มี.ค.2567 จำเลยที่1-6 มีเจตนาร่วมกันโดยลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ส่งเรื่องให้ศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค
โดยจำเลยทั้งหกได้มอบหมายให้จำเลยที่7ในฐานะเลขาคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยไม่โต้แย้งหรือคัดค้าน จึงถือว่ามีเจตนาร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับจำเลยที่1-6 และเป็นผู้ไปยื่นคำร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญการดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นไปอย่างเร่งรีบขาดความรอบคอบและเป็น พิรุธทำให้จนถึงวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำสั่งหรือมติรับคำร้องของจำเลยทั้งเจ็ดไว้พิจารณาแต่อย่างใดการกระทำดังกล่าวข้างต้นของจำเลยทั้งเจ็ดจึงไม่มีความสุจริตและโปร่งใสเที่ยงธรรมเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ผู้หนึ่งผู้ด คือ โจทก์ หรือสมาชิกพรรค ก้าวไกลคนอื่น ๆได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นความผิดตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ แขวงทุ่งสองห้องเขตหลักสี่กรุงเทพมหานคร
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้เพื่อตรวจคำฟ้อง ให้นัดฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษา ในวันที่ 9 เม.ย. เวลา 09.30 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพื่อแม้วประสานเสียง 'ทักษิณ' ปราศรัยเดือดเชียงราย ทำได้ไม่ขัดระเบียบ กกต.
'วิสุทธิ์' ป้อง 'ทักษิณ' ปราศรัยเดือดเชียงราย อ้างไปแล้วไม่พูดหาเสียงจะไปทำไม 'ชูศักดิ์' เสริมอีกแรง ตามระเบียบจะพูดอะไรก็ได้ แจ้ง กกต. เรียบร้อย
กระตุก ‘กกต.’ ควรมีโครงการอบรมมารยาทผู้ช่วยหาเสียง ไม่ให้การหาเสียงน่าสมเพช
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง 'สิ่งที่ ผู้ช่วยหาเสียง ควรรู้ในการหาเสียง'
กกต.หายห่วง! ชูเลือกตั้งอบจ. รู้สึก ‘ปลอดภัย’
"แสวง" ปลุกเจ้าหน้าที่ กกต.! ยันไม่ได้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหลังจากที่ได้ลงตรวจเยี่ยมการสมัครรับเลือกตั้งที่ปราจีนบุรี ไม่คิดว่าผู้สมัครนายก อบจ.คนไหนจะสร้างความรุนแรง
เลขาฯกกต. ย้ำเจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้งอบจ. ภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นธรรม สุจริต
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธีเปิด “กิจกรรมอบรมเสริมสร้างความรู้เท่าทันการกระทำผิดทางการเมืองในการเลือกตั้ง อบจ.” ที่องค์การบริหาร
ภท.เฮรอดคดียุบพรรค! อิ๊งค์ขอเริ่มทำงาน2ม.ค.
“ภท.” เฮ รอดยุบพรรค กกต.ยุติสอบ “วันนอร์” ไม่หวั่นถูกเลื่อยขาเก้าอี้
ภูมิใจไทย เฮ! รอดคดียุบพรรค
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วย พ.ต.ท. ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ รองเลขาธิการ กกต. , น.ส.โชติกา แก้วผล ผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดปราจีนบุรี และคณะ ร่วมสังเกตการณ์การรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.ปราจีนบุรีและนายก อบจ.จังหวัดปราจีนบุรี ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี