![](https://storage-wp.thaipost.net/2024/03/เรื่องไกร.jpg)
เรืองไกร ร้อง นายกฯ ตรวจสอบงบปรับปรุงทำเนียบฯ 138 ล้านบาท ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่
10 มีนาคม 2567 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ข่าวเรื่องการใช้งบประมาณ 138 ล้านบาท ในการปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาล ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากนั้น เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีควรลงมาตรวจสอบและชี้แจงการใช้งบประมาณดังกล่าวเอง เพราะรัฐมนตรีบางคนชี้แจงไม่ตรงประเด็น
นายเรืองไกร กล่าวว่า เหตุที่การใช้งบ 138 ล้านบาท ควรถูกตรวจสอบตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 คณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่นายกรัฐมนตรีได้มีการขอให้ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำที่ไม่จำเป็น ไว้ด้วย
นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่รัฐบาลใช้เงิน 138 ล้านบาทดังกล่าว จึงไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเสียเอง ทั้งนี้ แม้จะเป็นงบประมาณที่อาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 141 คือใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน เพราะวันนี้ สภาผู้แทนราษฎรยังพิจารณางบประมาณปี 2567 ไม่แล้วเสร็จ แต่การใช้งบปี 2566 ไปพลางก่อน ก็ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร 0702/ว152 วันที่ 31 ส.ค. 2566 ซึ่งได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีแล้ว
นายเรืองไกร กล่าวว่า สำนักงบประมาณได้กำหนด “หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน” ไว้ในข้อ 2.1 ซึ่งระบุว่า
“2.1 ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน ภายใต้กรอบวงเงินของแต่ละแผนงานและรายการตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รวมถึงรายการโอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย ดังนี้
(1) งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
(2) งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ
(3) งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
(4) งบประมาณรายจ่ายบุคลากร
(5) งบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน
(6) งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ”
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากหลักเกณฑ์ข้อ 2.1 จึงควรตรวจสอบว่า การใช้งบประมาณ 138 ล้านบาท นั้นอยู่ภายใต้กรอบวงเงินของแต่ละแผนงานและรายการตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และไม่เข้าข่ายรายการโอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย ตามข้อ 2.1 (1) – (6) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี จึงควรตรวจสอบการใช้งบประมาณ138 ล้านบาท ในการปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลทุกรายการ (รวม 12 รายการ) ว่า เป็นไปตามแนวมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 หรือไม่ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า หากการใช้งบประมาณ 138 ล้านบาท ไม่ชอบ นายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง จะเข้าข่ายต้องรับผิดชอบตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือไม่ และกรณีดังกล่าวเป็นการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำที่จำเป็น เกิดความคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศโดยรวม อย่างไร หรือไม่ และรายการทั้งหมดของเงิน 138 ล้านบาทอยู่ภายใต้กรอบวงเงินของแต่ละแผนงานและรายการตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จริงหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ตนจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตรวจสอบงบประมาณดังกล่าวแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีหนาว! ‘เรืองไกร’ ร้อง ปปช. ตรวจสอบจนท.ของรัฐ 8 ราย ยื่นบัญชีและเสียภาษีถูกต้องหรือไม่
วันนี้ผมจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐรวม 8 รายดังกล่าว
มาเร็วเคลมเร็ว! เศรษฐาแจงสภาจบกลับทำเนียบฯ
นายกฯ กลับทำเนียบฯ หลังแจงสภา ร่างงบฯเพิ่มเติม 2567 แวะหยอดตู้ทำบุญเทียนพรรษาวัดแก้วฟ้า 1,000 บาท
‘เรืองไกร’ ร้อง กกต. สอบเลือกตั้ง อบจ.ปทุมฯ
เรืองไกร ร้อง กกต. สอบเลือกตั้ง อบจ.ปทุมฯ มีผู้ใดฝ่าฝืน ม.65 (3) (4) ม.126 ว.สอง หรือไม่
นายกฯ ลั่นหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก ขอตรวจสอบปมซื้อขายบัตรผู้ติดตามในทำเนียบฯ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการซื้อขายตำแหน่งคณะผู้ติดตามภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า ไม่เคยได้รับทราบข่าวนี้เลย เมื่อถามอีกว่าตรงนี้นายกฯจะมีการกำชับอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า อันนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว
‘นิวเคลียร์-กาสิโน’ ‘คุยกับเศรษฐา’ เทปแรกก็ทิ้งบอมบ์/ไปเมืองนอกบ่อยเพื่ออยู่ดีกินดี
นายกฯ ผ้าขาวม้าจัดรายการ “คุยกับเศรษฐา” เทปแรกก็ทิ้งระเบิดแล้ว