'ผู้นำฝ่ายค้าน' ประเดิมพบประชาชน ลุยเชียงใหม่ ร่ายยาวแก้ 'ฝุ่น PM2.5’

‘ชัยธวัช’ ประเดิม ‘ผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน’ ลงพื้นที่เชียงใหม่ครั้งแรก ร่ายปัญหา-ความท้าทาย แก้ ‘ฝุ่น PM 2.5’ ย้ำอย่าโยนภาระมอง ปชช.เป็นผู้ร้าย

1 มี.ค. 2567 – ที่โรงแรมดวงตะวัน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายค้านจัดเวทีเสวนา แนวทางและเครื่องมือสำหรับการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ ‘ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน’

โดยนายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดงาน ในหัวข้อ ‘ฝุ่นเศรษฐกิจ พิษการเมือง : เศรษฐกิจการเมืองเรื่องฝุ่นควัน‘ และระบุถึงเหตุผลในการเลือกจังหวัดเชียงใหม่เป็นที่แรก เนื่องจากคิดว่ามีประเด็นที่จะต้องรีบพูดคุยกัน ในเรื่องปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 เพราะเป็นสถานการณ์เร่งด่วนและสำคัญทั้งประเทศ ก่อนหน้านี้สถานการณ์หนักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และตอนนี้ขยับมาที่ภาคเหนือ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงคิดว่า แม้เราจะไม่ใช่ฝ่ายบริหาร แต่ในฐานะผู้แทนราษฎร เราก็มีบทบาทที่สามารถจะช่วยติดตาม และผลักดันมาตรการในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้

ทั้งนี้ เราไม่ได้มาพูด มาเล่าอย่างเดียวว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ และเรามีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ แต่เรื่องที่สำคัญมากกว่า คืออยากมาฟังผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนในพื้นที่ที่อยู่หน้างาน ว่ามองเห็นสถานการณ์อย่างไร และมีความคิดเห็นอย่างไรต่อมาตรการการแก้ไขปัญหา PM 2.5 โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่รัฐบาลยกให้เป็น ‘เชียงใหม่โมเดล‘ และอยากรู้ว่าสถานการณ์หน้างานจริงเป็นอย่างไร การแก้ไขปัญหา มีอุปสรรค ความท้าทาย และข้อจำกัดอะไรบ้าง เพื่อให้ฝ่ายค้านสามารถช่วยติดตาม ช่วยกระทุ้ง ช่วยผลักดัน ได้อย่างสุดความสามารถ

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ย้ำว่า คนไทยสูดฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานมาประมาณ 20 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิด เพียงแต่รัฐบาลไทยเพิ่งเริ่มประกาศให้ปัญหา PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ ในปี 2562 ปัญหาฝุ่นควันสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด คือต้นทุนด้านสุขภาพ ซึ่งอยู่ในภาวะที่น่ากังวลมากพอสมควร เพราะมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากปัญหานี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี แม้ปัญหา PM 2.5 จะถูกประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว แต่เมื่อดูจากตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินความสำเร็จ ว่าวาระฝุ่นแห่งชาติไปถึงไหนแล้ว ก็มีคำถามว่าเราล้มเหลวหรือไม่

นายชัยธวัช ไล่เรียงสถานการณ์สภาพอากาศในจังหวัดเชียงใหม่ และในจังหวัดทางภาคเหนือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังลุกลามไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงเปรียบเทียบจำนวนจุดความร้อนในประเทศไทย และประเทศในอาเซียน ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการเผาป่าและเผาพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยังมีเรื่องฝุ่นควันหรือฝุ่นพิษข้ามแดนที่ยังเป็นเรื่องใหญ่อยู่ หากยังไม่มีมาตรการ นโยบาย หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาจัดการ จะไม่สามารถแก้ได้

นายชัยธวัช ยังตั้งคำถามถึงจำนวนที่สวนทางกันของการนำเข้า และส่งออกเมล็ดพันธุ์เลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน ภายหลังจากปัญหา PM 2.5 ถูกประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ทึ่ยิ่งบอกชัดว่า เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์อะไร คำถามคือผู้ประกอบการไทย ทุนไทย มีส่วนส่งเสริมการเผาในประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ และส่งผลให้ฝุ่น PM 2.5 ข้ามแดนกลับมายังประเทศไทยด้วยหรือไม่

ส่วนปัญหาและความท้าทายในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ระบบราชการรวมศูนย์มีปัญหาแน่ๆ ไม่ว่ารัฐบาลใหม่หรือเก่า ก็ยังเป็นการจัดการที่ให้รัฐบาลกลางคุมงบ รัฐมนตรีคุมบอร์ด ผู้ว่าคุมท้องถิ่น ทำให้ผู้ปฏิบัติงานขาดแคลน ปัญหาของระบบนี้ ทำให้อำนาจและงบประมาณกระจุก ไม่กระจาย ท้องถิ่นขาดเงิน จัดสรรงบไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตรงเป้า ทั้งยังมีกฎระเบียบเป็นอุปสรรค การบริหารรวมศูนย์แต่แยกส่วนการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการไม่เป็นจริง แต่ละกรม ต่างคน ต่างทำ ไม่มีแผนจากล่างขึ้นบน

ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงประสิทธิภาพของภาครัฐ ที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ ตั้งเป้าหมาย แต่ไม่มีแผนรูปธรรมชัดเจน และต่อเนื่อง จัดการแบบภัยพิบัติตามฤดูกาล ตั้งคณะกรรมการเดือน ต.ค. สลายตัวเดือน พ.ค. ไม่มีระบบการจัดการเชิงโครงสร้าง และปัญหากฎหมายล่าช้า มีอย่างน้อย 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งกฎหมายอากาศสะอาด กฎหมายว่าด้วยระบบการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR), กฎหมายตลาดคาร์บอน ทั้งนี้การจัดการทุนใหญ่ที่เป็นปัญหา ทั้งเรื่องฝุ่นพิษข้ามแดน ที่ต้องมีมาตรการทางการค้า การทูต และข้อผูกพันในเชิงกฎหมาย และต้องขยายความรับผิดชอบไปยังเอกชนรายใหญ่

“การแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องอย่ามองประชาชนเป็นผู้ร้าย อย่ามองประชาชนเป็นปัญหา แล้วโยนภาระให้ชาวบ้าน แต่ต้องสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ที่แท้จริง สอดคล้องกับพฤติกรรมของประชาชน และต้องให้ความสำคัญกับการสร้างแรงจูงใจ และทางเลือกใหม่ทางเศรษฐกิจ” นายชัยธวัช ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

เฉลิมพระเกียรติ ‘ในหลวง‘ ทส.-มท. ลุยแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ภัยแล้ง

‘เกณิกา’ เผย ‘ทส.-มท.’ จับมือเดินหน้าสานต่อ โครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่งเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ครบ 6 รอบ 72 พรรษา

รัฐบาลชวนปชช. จอง-แลกเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เริ่ม 24 ก.ค.

รัฐบาลเชิญชวนประชาชน จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป