แฟ้มภาพ
14 ก.พ.2567 - เวลา 15.45 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตนได้ฟังเพื่อนสมาชิกอภิปรายแล้วมีความเห็นว่าจริงๆแล้วมีความเห็นร่วมหลายอย่าง ประการแรกตนคิดว่าที่เห็นตรงกันว่าการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประมุขของรัฐ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ประมุขของรัฐต่างประเทศ ผู้นำทางการเมือง หรือบุคคลสาธารณะที่สำคัญ นั้นเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องหลักปฏิบัติสากล ประการที่สองคือเราเห็นตรงกันว่าขบวนเสด็จฯของกรมสมเด็จพระเทพฯ ในวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการไปอย่างเหมาะสมแล้ว อย่างน้อยในแง่ที่ว่าไม่ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนเกินสมควร ประการที่สาม เราต่างเห็นตรงกันว่าเราไม่อยากจะเห็นเหตุการณ์วันที่ 4 ก.พ. เกิดขึ้นอีก และเมื่อนายเอกนัฏ อภิปรายเปิดญัตติเล่ายอมรับว่าตัวเองเกิดความรู้สึกโกรธในแว้บแรกที่ได้รับทราบเหตุการณ์ แต่หลังจากนั้นสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ในกรณีของนายเอกนัฏด้วยเหตุที่นึกถึงพระราชดำรัชว่าประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการประนีประนอม เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ ไม่ใช้อารมณ์โกรธ ก็คิดที่จะหาวิธี หรือเสนอวิธีที่จะบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดการบานปลาย นำไปสู่การปะทะขัดแย้งทางการเมืองที่ใหญ่โตกว่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เราจะบริหารจัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้ได้อย่างไร ตนคิดว่าควรจะถกเถียงอภิปรายกันให้รอบด้าน ตนยังยืนยันว่าเมื่อเราพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการถวายความปลอดภัย ที่สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่เกิดขึ้น คือเราไม่สามารถพิจารณาเฉพาะเรื่องกฎหมาย ระเบียบ แผนในการถวายความปลอดภัยได้อย่างเดียวเท่านั้น ตนขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ที่กระทบกับการถวายความปลอดภัยต่อพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ อย่างรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งคือเพื่อเป็นตัวอย่าง คือ เมื่อวันที่ 22 ก.ย 2520 เคยเกิดเหตุการณ์ลอบทำร้ายในหลวงรัชการที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ที่เสด็จไปด้วย ระหว่างที่พระราชดำเนินเสด็จพระราชดำเนินไปที่จัดหวัดยะลา รุนแรงกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาสัปดาห์ก่อนหน้านี้หลายเท่า เกิดความปั่นป่วนในขบวนเสด็จฯ และเกิดการลอบวางระเบิดใกล้ที่ประทับของพระองค์ นี่เป็นตัวอย่างว่าเหตุการณ์ในวันนั้นถ้าจะแก้การถวายความปลอดภัยในวันนั้นไม่สามารถที่จะพิจารณาเฉพาะกฎหมาย และแผนมาตรการในการถวายความปลอดภัยเท่านั้น เพราะสุดท้ายปฏิเสธไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนั้น ซึ่งเหตุการณ์เกี่ยวกับการถวายความปลอดภัยหลายครั้ง หลายกรณีจึงเกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง ปัญหาทางความคิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสียดายว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ใช้วิธีทางการเมืองจัดการแต่ผิดทาง เพราะหลังจากนั้นเกิดกลุ่มฝ่ายขวาคือ กลุ่มกระทิงแดงในขณะนั้นพยายามใช้กรณีที่เกิดขึ้น การลอบปลงพระชนม์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดยะลา ปลุกปั่น กล่าวหา โจมตีว่ารัฐบาลขณะนั้นที่เป็นรัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกฯ ว่าไม่มีความจงรักภักดีเพียงพอ จนกระทั่งนำไปสู่การรัฐประหารหลังจากนั้นไม่กี่เดือน และกว่าประเทศจะฟื้นฟูไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ก็ใช้เวลาหลายปี
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า กรณีที่เราอภิปรายตนก็ยังยืนยันว่าเราทราบกันดีว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับการถวายความปลอดภัยอันเกิดจากเรื่องการก่ออาชญากรรมเพื่อหมายปองทำร้ายพระบรมวงศานุวงศ์ แต่เป็นปัญหาที่สืบเนื่องจากปัญหาขัดแย้งทางการเมือง และความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งต้องยอมรับตรงนี้ก่อนถึงจะพิจารณาอย่างรอบด้าน ว่าเราจะจัดการบริหาร จัดการการถวายความปลอดภัย และการแก้ปัญหาทางการเมืองที่เกี่ยวข้องอย่างไร และแน่นอนว่าวันนี้ไม่ใช่วาระที่เราจะพูดเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางการเมืองโดยละเอียด แต่ประเด็นหนึ่งที่เรียนรู้ได้จากรณีของน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอนที่รัฐไทยสามารถทำให้คนๆหนึ่ง ที่เขาแสดงออกความคิดเห็นทางการเมืองในส่วนของเขา ด้วยการถือกระดาษแผ่นนึง และผลักให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดว่าคนไทยจำนวนมากไม่คิดว่าจะกล้าทำ และเมื่อประชาชนคนหนึ่งอยากจะพูดแต่เราไม่อยากฟังเพราะไม่น่าฟัง และไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน และเราพยายามไปปิดปากเขา สุดท้ายเขาก็เลือกที่ตัดสินใจที่จะตะโกน จึงนำมาสู่สถานการณ์ที่ไม่พึ่งปรารถนา
“ผมเรียนว่าบทเรียนอย่างน้อยอย่างหนึ่งที่เราควรจะพิจารณากันหลังจากนี้ โดยเฉพาะฝ่ายบริหาร ในขณะเดียวกันผมคิดว่าคนที่กำลังตะโกนอยู่ควรจะไตร่ตรองว่าวิธีการอะไรที่จะทำให้คนหันมาเปิดใจฟังพวกเรามากขึ้น การตะโกนไม่มีใครฟังอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่พึ่งปรารถนาเช่นกัน สุดท้ายไม่ว่าฝ่ายไหน ผมคิดว่าเราไม่ควรจะจัดการสถานการณ์ด้วยการผลักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้สุดขั้วกว่านี้ ถ้าถามว่าวันนี้ผมจะเสนออะไรไปยังฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาลจากญัตตินี้ นอกจากข้อเสนอเรื่องการทบทวนกฎหมาย ระเบียบ แบบแผนต่างๆแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ฝ่ายบริหารทำได้คือกุศโลบายทางการเมือง ผมเองไม่สบายใจ ได้ยินสมาชิกฝ่ายรัฐบาลพูดกันถึงถ้าไม่พอใจให้ไปอยู่ประเทศอื่น หนักแผ่นดิน นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้นทิ้ง นี่ผมยังนึกว่าเราอยู่ในรัฐบาลจากการรัฐประหาร ผมคิดว่าเราเคยมีบทเรียนมาแล้วว่าการใช้ความจงรักภักดี มาแบ่งแยกประชาชนสุดท้ายไม่ส่งผลดีกับใครเลย เราเคยผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลามาแล้วว่าสุดท้ายใช้กำลัง ใช้อาวุธร้ายแรง ยิงไปสู่ประชาชนที่เราไม่อยากฟัง ฆ่าเขาตายกลางเมือง ลากเขาไปแขวนคอใต้ต้นมะขาม ตอกอก หรือกล่าวหาผู้คนจำนวนมากว่าเป็นคอมมิวนิสต์จนสุดท้ายเขาไม่มีทางเลือก และต้องเข้าไปเป็นคอมมิวนิสต์จริงๆในป่า นี่ไม่ใช่ทางออก สุดท้ายเราก็ต้องจบด้วยการแก้ไขปัญหาทางการเมือง นิรโทษกรรม เปิดโอกาสให้คนที่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย วนลูปอยู่แบบนี้ สุดท้ายหวังว่ารัฐบาลของเรา สส.ของเราจะมีสติ และระงับความโกรธอย่างเจ้าของญัตติได้เปิดเอาไว้ตั้งแต่แรก และเพิ่มพื้นที่ตรงกลางให้มากที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกันสามารถที่จะเห็นจุดร่วมกันได้ เพื่อประเทศออกจากความขัดแย้ง”นายชัยธวัช กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิธา-ชัยธวัช' จวกรัฐมนตรีเล่นใหญ่แก้ 'ปลาหมอคางดำ' ด้วยวิธีรับซื้อ ชี้ยิ่งทำเพาะเลี้ยงมากขึ้น
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล กล่าวถึงปัญหาปลาหมอคางดำระบาด ว่า ตนให้นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. และนายแพทย์วาโย อัศว
คดียุบก้าวไกล 'ชัยธวัช' ออกอาการฉะ 'กกต.' ศรีธนญชัย
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายปกรณ์ มหรรณพ
ก้าวไกลโหมหนัก การเมืองบทใหม่ ฉันทามติระหว่างชนชั้นนำ กับปชช.
ก้าวไกลประกาศเป็นสะพานเชื่อมแห่งยุคสมัย “ชัยธวัช’ ยก ปรากฏการณ์ ‘เลือกตั้ง 66’ เป็นข้อบ่งชี้ ไทยกำลังเดินเข้าสู่บทที่สิ่งเก่ากำลังจะตาย-สิ่งใหม่กำลังจะเกิด
'ก้าวไกล' ไม่กังวลถูกยุบพรรค 'ชัยธวัช' บอกคุยลูกพรรคหลายรอบแล้ว
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาให้พรรคก้าวไกลแก้ข้อกล่าวหาในคดีล้มล้างการปกครอง ว่า คดีนี้มีความร้ายแรงมากกว่าคดีก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ
'ก้าวไกล' สั่งเสียจนน่าสงสัย หรือ 'ก้าวใหม่' อาจได้คนหน้าเดิม
'ก้าวไกล' สั่งเสียจนน่าสงสัย หรือ 'ก้าวใหม่' อาจได้คนหน้าเดิม
'ชัยธวัช' ไม่วิตก 'เซาะกร่อนบ่อนทำลาย' เป็นสารตั้งต้นนำไปสู่การยุบก้าวไกล
พรรคก้าวไกลจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน กล่าวถึงวาระการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ที่หลายฝ่ายจับตาไปที่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่าจะมีการเปลี่ยน