ที่ปรึกษารมว.ยธ. แจงกรณี นช.ทักษิณ-พักโทษ

แฟ้มภาพ

12 ก.พ.2567 - ที่ กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำคณะ พร้อมด้วยมวลชนหลายรายได้เคลื่อนขบวนพร้อมปราศรัยเพื่อขอเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สำหรับยื่นหนังสือขอคัดค้านการพักการลงโทษ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม เป็นตัวแทนรับเรื่อง

โดยนายสมบูรณ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือถึงกรณีนายทักษิณ จะได้รับการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ ว่า เบื้องต้นเรายังพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเป็นการให้สิทธิ ดังนั้น ทุกคนจะรู้ดีว่าครบ 6 เดือน ถ้าวันไหนก็วันนั้น และถ้าถึงเวลาแล้วท่านทักษิณมีรายชื่อได้รับการพักโทษก็ได้รับสิทธิ อย่างไรก็ตาม รายชื่อของผู้ต้องขังที่จะได้รับการพักโทษทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนของการจะเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่โดยธรรมเนียมแล้วเราจะไม่บอกก่อน เพราะมันเป็นการละเมิดเขา และถึงเสนอมาบางรายก็อาจไม่ได้รับสิทธิ์ การเปิดเผยไปก่อนก็อาจมีผลกระทบได้ ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ไม่เคยแถลง แต่จะปรากฏก็ต่อเมื่อเขาได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว และเเม้ว่าในวันที่จะได้รับการพักโทษจะตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เราก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องขังตามสิทธิที่เขาได้รับ หลังเที่ยงคืนวันที่จะได้พักโทษ มันก็ถึงวันของเขา ราชทัณฑ์จึงไม่มีสิทธิ์จะเอาตัวผู้ต้องขังอยู่ต่อ แต่การที่จะอยู่ต่อมันก็เป็นการอะลุ่มอะล่วยกันว่าวันรุ่งขึ้นอาจจะค่อยปล่อยตัวได้ ตนจึงยังตอบไม่ได้ว่าเที่ยงคืนของวันพักโทษของผู้ต้องขังจะได้ออกเลยหรือไม่ เพราะมันอยู่ที่ข้อเท็จจริงของแต่ละราย

นายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการพักโทษ ปกติคณะอนุกรรมการฯ จะมีการประชุมกันทุกเดือนอยู่แล้ว และจะมีรายชื่อจากเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศที่ผ่านเกณฑ์ ถูกเสนอขึ้นมายังชั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกว่า 1,000 รายชื่อในทุกเดือนให้พิจารณา แต่มากที่สุดคือการพักโทษแบบปกติ ประมาณ 500-800 ราย แต่การพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ จะมีทั้งการเจ็บป่วย อายุมากกว่า 70 ปี หรือเข้าโครงการฝึกฝนทักษะอาชีพ กลุ่มเหล่านี้จะมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับการพักโทษกรณีปกติ แต่ทั้ง 2 กลุ่มรวมๆ แล้วก็เกือบ 1,000 รายทุกครั้ง แต่ไม่ใช่ว่าคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาเห็นชอบทุกรายให้ได้รับการพักโทษ เพราะตัวแทนจาก 19 หน่วยงาน จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

เมื่อถามว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าในวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อาจมีการเสนอรายชื่อผู้ต้องขังที่ได้รับสิทธิ์การพักโทษมายังตนเองให้พิจารณานั้น นายสมบูรณ์ ชี้แจงว่า ในกรณีดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ของ รมว.ยุติธรรม เพราะจริงๆแล้วช่วงเวลาการประชุมในแต่ละเดือนจะมีการรายงานในเดือนถัดไปอยู่แล้ว แต่พรุ่งนี้ท่านจะมีการประชุม ครม. คงต้องให้สื่อมวลชนไปสอบถามท่านในวันพรุ่งนี้แทน และวันนี้ท่านปฏิบัติราชการอยู่ที่ จ.ยะลา แต่ถ้าท่านได้รับรายชื่อจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องสั่งการในนาทีนั้น เพราะต้องผ่านขั้นตอนของรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงยุติธรรมด้วย อีกทั้งกรณีการเพิกถอนการพักโทษนั้น จะมีวาระที่ว่าหากผู้ได้รับการพักโทษไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ก็สามารถเสนอยกเลิกการพักโทษได้และนำตัวกลับมาคุมขังที่สถานที่คุมขังอีกครั้ง ซึ่งก็จะเป็นอำนาจของ รมว.ยุติธรรม ในการพิจารณาจากเรื่องที่ถูกเสนอมา

ต่อข้อถามว่าหากนายทักษิณได้รับการพักโทษ จะต้องแจ้งใช่หรือไม่ว่าเมื่อพักโทษจะไปอยู่ที่ใด และใครเป็นผู้อุปการะ นายสมบูรณ์ กล่าวว่า มันจะมีเงื่อนไขระบุว่า ถ้ากรณีมีอายุ 70 ปีขึ้นไป มีคนอุปการะ หรือให้ความช่วยเหลือตัวเองได้หรือไม่ อย่างไร ดังนั้น คนที่ได้รับการพักโทษจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งการพักโทษไม่ได้หมายความว่าพ้นโทษ หรือพ้นจากการควบคุมของกระทรวงยุติธรรม แต่ยังอยู่ในการกำกับดูของกระทรวงยุติธรรม แค่เปลี่ยนจากการรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ไปเป็นกรมคุมประพฤติ และไม่ต้องมีหมายปล่อยของศาล

สำหรับเรื่องของการอายัดตัวนายทักษิณ จากคดีมาตรา 112 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. และอัยการสูงสุดนั้น นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในอำนาจของพนักงานอัยการที่จะต้องพิจารณาร่วมกับกรมราชทัณฑ์ ส่วนจะอายัดตัวได้หรือไม่นั้น อยู่ที่พนักงานอัยการ ส่วนขั้นตอนในปัจจุบัน ตนต้องเรียนว่ายังอยู่ในกระบวนการที่กรมราชทัณฑ์จะต้องหารือกับอัยการว่าถ้ามีชื่อนายทักษิณได้รับการพักโทษจริง ๆ วันนั้นขั้นตอนจะเป็นอย่างไร แต่ความเห็นหลักและการตัดสินใจจะเป็นของอัยการโดยที่กรมราชทัณฑ์ก็จะต้องพิจารณาร่วมด้วย

นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการติดหรือไม่ติดกำไล EM ของนายทักษิณ หากได้รับการพักโทษนั้น ตนขอชี้แจงถึงมติของคณะอนุกรรมการฯ เมื่อปี พ.ศ. 2563 คนเจ็บป่วยหรืออายุ 70 ปีขึ้นไป ไม่ต้องสวมหรือติดกำไล EM อีกทั้งในกระบวนการของการพักโทษ คณะอนุกรรมการฯ จะไม่ได้มีการระบุว่าต้องทำอะไร เพราะกรมราชทัณฑ์มีระเบียบที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว และกรมคุมประพฤติก็ต้องไปปฏิบัติตามระเบียบนั้น ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าถ้าผู้ต้องขังรายใดที่อายุมากกว่า 70 ปี และเจ็บป่วย มีเหตุร้ายแรงจะไม่มีรายใดที่ได้ติดกำไล EM เพราะถ้าต้องติดกำไล เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ก็ต้องติดคุก เพราะทำผิดระเบียบกรมราชทัณฑ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดือดพลั่ก! ยธ. แถลงโต้ กมธ.มั่นคงฯ ไม่มีอำนาจเรียก ทวี-อธิบดีกรมคุก ชี้แจงทักษิณชั้น 14

นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวรชัย บุตรดาบุตร เลขานุการกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ หนูคง ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ และ น.ส.วริศรา กุญชร ณ อยุธยา ผอ.กองกฎหมาย

เดือด! 'โตโต้' สวน ยธ. ยันมีอำนาจสอบทักษิณป่วยทิพย์ ลั่น กมธ.มั่นคงฯทำงานครอบจักรวาล

นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคประชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

'โรม' กล่อม 'ทักษิณ' เข้าแจง กมธ.ความมั่นคง ปมชั้น 14 เชื่อเป็นผลดีต่อรัฐบาล-นายกฯอิ๊งค์

นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเชิญนายทักษิณ ชินวัตร

มองต่างมุม 'ดร.ณัฏฐ์' เชื่อศาลรธน.ตีตกคำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างฯ

สืบเนื่องจากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร  ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น เพื่อวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการก

'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย.

'จตุพร' แทงสวน อสส.ส่งความเห็นหลังปล่อยอำนาจหลุดมือ เชื่อ 22 พ.ย. ศาลรธน. มติเอกฉันท์ รับคำร้อง โต้สีอื่นไม่เคยตกใส่เสื้อแดง มีแต่สีคนตระบัดสัตย์ไม่ซื่อตรงปชช. ชี้ 'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ เตือนหลายฝ่ายทนไม่ไหว คดีทุจริตไม่ติดคุกสักวัน หวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย

เข้าทาง! ผู้ร้องคดี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง ฟันธงศาลรธน. รับคำร้องแน่นอน

จากกรณีที่มีข่าวว่านายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือความเห็นถึงศาลรธน.ในคำร้องคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่หนึ่งและพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่สอง