'ชัยธวัช' รับไม่ได้กลุ่ม ศปปส. ใช้ความรุนแรง ชี้สังคมมีความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา

ที่มาภาพเฟซบุ๊ก ชัยธวัช ตุลาธน – Chaithawat Tulathon

11 ก.พ. 2567 – นายชัยธวัช ตุลาธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงกลางดึกของวานนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2567)

จากกรณีที่หลายฝ่ายมีความเห็นในหลากหลายทิศทาง ต่อการแสดงออกทางการเมืองของกลุ่มกิจกรรมทะลุวัง ที่กำลังเป็นประเด็นขณะนี้ ผมมีความเห็นว่า อันดับแรก เราต้องหันกลับมาทบทวนหลักการสำคัญของสังคมประชาธิปไตย นั่นคือธรรมชาติของทุกสังคมย่อมมีความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องความเห็นต่อบ้านเมือง แต่ความเห็นที่แตกต่างกันเหล่านั้น ต้องไม่ถูกจัดการด้วยการใช้กำลัง การล่าแม่มด หรือการผลักไสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไป ซึ่งจะยิ่งเพิ่มช่องว่างระหว่างผู้มีความคิดความเชื่อต่างกันให้มากขึ้น แต่ต้องใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย เพื่อลดช่องว่างทางความเข้าใจโดยไม่ใช้ความรุนแรง

ในกรณีกลุ่มทะลุวัง ผมเข้าใจดีถึงความคับข้องใจที่พวกเขาแสดงออก แต่ขณะเดียวกัน ผมเชื่อว่าพวกเราทราบดี ว่าเนื้อหาสาระกับวิธีการแสดงออก เป็นสองสิ่งที่สำคัญควบคู่กัน การเลือกวิธีแสดงออกแบบใดแบบหนึ่ง ย่อมมีทั้งฝ่ายที่พอใจ/ไม่พอใจ เข้าใจ/ไม่เข้าใจ จึงพึงพิจารณาว่าการแสดงออกทางการเมืองเช่นนั้น สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและเหตุผลภายในใจไปยังประชาชนกลุ่มอื่นในสังคม ให้รับรู้และเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของผู้แสดงออกได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวิธีการที่แต่ละคนแต่ละฝ่ายเลือกใช้คืออะไร เส้นที่เรา “ต้อง” ไม่ข้ามไป คือการใช้ความรุนแรงตอบโต้ หรือเจตนาทำลายล้างคนที่คิดไม่เหมือนตนให้หมดไปจากสังคม การกระทำของกลุ่ม ศปปส. ที่สยามพารากอนในวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ผมเห็นว่าสังคมไทยทุกฝ่ายต้องเรียนรู้จากความรุนแรงทางการเมืองในอดีต การปลุกระดมสร้างความเกลียดชังจนนำมาสู่การใช้ความรุนแรง ไม่อาจคลี่คลายความขัดแย้งได้อย่างยั่งยืน มีแต่จะยิ่งเพิ่มช่องว่างระหว่างผู้มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันในสังคม ให้ยากจะหันหน้ามาคุยกันได้ เวลานี้เป็นเวลาที่ต้องใช้เหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ การมีกระบวนการที่โอบรับทุกฝ่ายให้หันหน้าเข้าหากัน เพื่อพูดคุยและพร้อมรับฟังกันและกันอย่างเปิดใจ คือหนทางเดียวที่จะพาสังคมไทยออกจากความขัดแย้งนี้

ผมเชื่อว่าเรายังพอมีความหวัง สัญญาณของการพาสังคมออกจากความขัดแย้งยังไม่หมดไปเสียทีเดียว เพราะในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างน้อยผมเห็นความพยายามจากหลายฝ่ายในการพูดถึงกระบวนการที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในหนทางเพียงไม่กี่อย่าง ที่จะสร้างพื้นที่ให้เราหันหน้ามาคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ รับฟังกันอย่างมีเหตุผลและอย่างจริงใจ ผมเชื่อว่าการนิรโทษกรรมจะเป็นการ “เจาะหนอง” ระบายความขัดแย้งทางการเมืองที่เรื้อรัง ให้ทุกฝ่ายเย็นลงมากพอที่จะมานั่งคุยกัน หาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมายาวนาน

ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ที่ลานประชาชนรัฐสภา เครือข่าย #นิรโทษกรรมประชาชน จะมีการจัดพื้นที่พูดคุยเพื่อนำไปสู่การลดความขัดแย้งของสังคม ผมจะเข้าร่วมกิจกรรมด้วย จึงอยากเชิญชวนให้ทุกฝ่ายลองเริ่มต้นมาพูดคุย เปิดใจรับฟังเสียงของกันและกันครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ก้าวไกล' ยักไหล่! พรรคถูกยุบไม่สำคัญ หวั่นการปกครองจะกลายพันธุ์เป็นระบอบอื่น

นายชัยธวัช ตุลาธน อดีต สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย สส.ของพรรคก้าวไกล และอดีตกรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าว ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 สั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรค 5

'ชัยธวัช-ปดิพัทธ์' กล่าวอำลา กลางที่ประชุมสภาฯ

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งอยู่ในที่ประชุมสส. ได้ลุกขึ้นกล่าวลาที่ประชุมว่า พวกเราและกรรมการบริหารพรรค รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ก้าวไกลยุบ-ไม่ยุบ โดมิโนการเมืองที่ตามมา ศิริกัญญา-ณัฐพงษ์เสี่ยงถูกสกัด!

นับถอยหลัง อีกแค่ไม่กี่อึดใจก็ได้รู้ผลกันแล้วว่า “พรรคก้าวไกล” จะเป็นฝายกำชัยชนะหรือจะตกเป็นผู้แพ้คดี ในคำร้องคดียุบพรรคก้าวไกลที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกลาง ในวันพุธที่ 7 ส.ค.นี้

อนาคตไกล เตือนเด็กรามฯอย่าตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมือง ฉะ 'ชัยธวัช-พิธา' ขว้างงูไม่พ้นคอ

"อนาคตไกล" ชี้คำแถลงคัดค้านยุบพรรคก้าวไกล ของสภานักศึกษา ม.รามคำแหง เป็นเพียงสัญลักษณ์การเมืองนักศึกษาในรั้วราม เตือน