“หมอวรงค์” เปิดตัว “พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์” ซีอีโอร่วมทุนในต่างประเทศ ลงสนามสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ระบุคนกรุงฯ เบื่อผู้แทนทำสภาล่ม กุ๊ย กร่าง โกง ชังชาติ ชี้พร้อมหนุนคนรุ่นใหม่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำลายล้าง มั่นใจคว้าชัยเก้าอี้
26 ธ.ค.2564 – นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงเปิดตัว นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้บริหาร ระดับ CEO บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 9 หลักสี่ กทม. และกล่าวว่า วันนี้คนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เบื่อนักการเมือง เบื่อผู้แทนที่ไม่เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทำให้สภาฯล่มเป็นประจำ วันนี้คนเบื่อกุ๊ย เบื่อกร่าง เบื่อโกง และเบื่อคนชังชาติ ประชาชนเรียกร้องนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ทำงานสร้างสรรค์ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
นพ.วรงค์ ยืนยันว่าพรรคไทยภักดียังคงสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม เพราะพลเอกประยุทธ์เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกง แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนรัฐมนตรีทุกคน เพราะพรรคไทยภักดีได้เคยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในโครงการรถไฟทางคู่ ร้องให้ตรวจสอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการประมูลดาวเทียมไทยคมที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องได้ไปถึงป.ป.ช.แล้ว
นพ.วรงค์ ระบุว่า พรรคไทยภักดีเป็นพรรคของประชาชนโดยแท้ มีคนรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์ไม่ใช่ทำลายล้าง เขตหลักสี่ถือว่ามีความสำคัญมาก พรรคไทยภักดีจึงขอส่ง นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้บริหาร ระดับ CEO บริษัทร่วมทุนในประเทศมาเลเซียและอีกหลายประเทศ เป็นคณะกรรมการอนุกรรมาธิการในสภาฯหลายคณะ ถือเป็นคนหนุ่มมากประสบการณ์เพื่อจะมาเปลี่ยนเขตหลักสี่ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ย้ำอีกว่าหากพรรคไทยภักดีได้รับเลือกเป็น ส.ส. พร้อมสนับสนุนพลเอกประยุทธ์โดยที่ไม่ต้องใช้กล้วยในการขอให้สนับสนุนเหมือนนักการเมืองที่เคยทำมา แต่ใช้หัวใจในการสนับสนุน ขอแค่ทุกอย่างทำเพื่อประชาชน
ขณะที่นายพันธุ์เทพ กล่าวว่า พ่อแม่สอนมาตั้งแต่เด็กว่าการจะเจริญก้าวหน้าต้องเป็นคนรู้จักคุณธรรม ยืนยันว่า ตนเองไม่กุ๊ย ไม่โกง ไม่กร่าง ที่สำคัญรักชาติ รักสถาบันฯ พร้อมที่จะใช้หัวใจอันบริสุทธิ์และใช้ความรู้ความสามารถในการเป็นผู้บริหารของตนเอง มากว่า 20 ปี เพื่อพัฒนาเขตหลักสี่ให้กับประชาชน ขณะเดียวกันยอมรับว่าสนามเลือกตั้งเขตหลักสี่มีการแข่งขันที่สูง แต่ไม่ได้แข่งกับใคร แต่จะใช้ความรู้ความสามารถ ต้องการมาทำงานให้ประชาชนไม่ได้เป็นตัวแทนของใคร จึงมั่นใจที่จะลงสมัครในครั้งนี้
ทั้งนี้ นพ.วรงค์ มั่นใจจะชนะเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ในครั้งนี้ เพราะประชาชนไม่เห็นพรรคการเมืองเป็นที่พึ่ง ส.ส.ไม่ทำหน้าที่ในสภาฯ แต่มีพวกกุ๊ย พวกกร่าง และมีพวกชังชาติ แม้ว่าไม่มีส.ส.แต่พรรคไทยภักดียังทำงานได้มากกว่าส.ส.บางพรรคการเมืองเสียอีก จึงเชื่อว่า คนหลักสี่ต้องการเปลี่ยนแปลง และไม่กังวลที่ต้องแข่งกับบางพรรคการเมือง ที่ส่งดารานักแสดงลงสมัคร เพราะนักแสดงและกลุ่มคนนั้นถือว่ายังมีความคิดที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองทั้งในและนอกสภา พรรคไทยภักดีจึงจำเป็นต้องเข้าไปปกป้องช่วยเหลือประชาชน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เย้ย ไส้เดือนถูกขี้เถ้า จะยกเลิกม.112 พอถูกหาเป็นพวก BRN จะฟ้องร้อง
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีพรรคประชาชน(ปขน.) จะดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาว่าปชน.เกี่ยวข้องกับขบวนการบีอาร์เอ็น ว่า
MCOT รุกหนักทำคอนเทนต์ครองใจคนรุ่นใหม่
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าว “MCOT New Journey” ปั้น 2 รางวัลใหญ่แห่งปี ปลุกตลาดบันเทิง Y ครองใจคนรุ่นใหม่ โดยนายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท เผยทิศทางการสร้างคอมมูนิตี้ที่หลากหลาย ต่อยอดทุกคอนเทนต์ โดยมี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมสนับสนุนผลักดัน ในรูปแบบ “Thailand Soft Power : เชื่อมไทยสู่โลก" ที่ Phenix Pratunam Bangkok
'ไทยภักดี' อัดนักการเมืองไม่เห็นหัวประชาชน สนใจแต่แก้ รธน.
พรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความ [ไม่เคยเห็นหัวประชาชนที่ทุกข์ระทม นักเลือกตั้งมุ่งแก้รัฐธรรมนูญปราบโกง]
เปิดเบื้องลึก! 'พรรคส้ม' พ่ายเลือกตั้งซ่อม สส. เมืองสองแคว
ทีมข่าวภูมิภาครายงานว่า จากผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก เขต 1 ซึ่งนายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ที่ชนะ นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์
อย่าผยองพองขน! ชี้ 2 สาเหตุหลัก ส่ง ‘เพื่อไทย’ ชนะเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก
พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งซ่อมที่พิษณุโลกนั้น ไม่ได้มีเหตุอะไรที่พรรคเพื่อไทยจะต้องผยองพองขนได้เลยว่าประชาชนเลือกเพราะนายกรัฐมนตรีแพทองธารหรือนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร
ไม่ใช่เวลาท้อ! ‘ปชน.’ เสียงแข็งยอมรับผลเลือกตั้งพิษณุโลก ลั่นเดินหน้าทำงานต่อ
'พรรคประชาชน' แถลงยอมรับผลการเลือกตั้ง ยินดี 'จเด็ศ' ได้เป็น สส.พิษณุโลก เขต 1 ย้ำยังคงเดินหน้าทำงานต่อ เพื่อผลักดันความเปลี่ยนแปลงผ่านงานพื้นที่-งานสภาฯ-การสร้างพรรค