ปชป. แนะทางสว่าง! เตือนรัฐบาลหยุดยุ่มย่ามแบงก์ชาติ

ปชป. เตือนรัฐบาล รักษาระยะห่างหยุดยุ่มย่ามแบงก์ชาติ มัวแต่หมกมุ่นแจกเงินดิจิทัล แนะเร่งช่วยเหลือคนจน-กลุ่มเปราะบางก่อน ทำได้ทันทีใช้งบเพียง 2 แสนล้านบาท

9 ก.พ. 2567 – นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐบาบ เรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเศรษฐกิจนั้นว่า การลดดอกเบี้ยแค่ 25 สตางค์ ไม่ได้ช่วยอะไร และกว่าจะส่งผลเศรษฐกิจจริงๆ ก็ไม่ใช่ระยะสั้นประมาณ 1 ปี ถึงจะเห็นผลทางเศรษฐกิจ แต่ควรไปขอให้แบงก์ชาติดำเนินการเรื่องมาตรการ LTV (Loan-to- Ratio) มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย” คือ เกณฑ์อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้านที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งทำให้ผู้ที่ต้องการกู้เงินจากธนาคารเพื่อนำมาซื้อบ้าน “ถูกจำกัดวงเงินในการกู้ตามกำหนด”

“หากเราช่วยอสังหาริมทรัพย์ จะได้ผลผลิตทางเศรษฐกิจชัดเจนและเร็วกว่า ทำไมเรื่องแค่นี้ นายกฯ ที่มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์แท้ๆ จึงไม่เข้าใจและไม่สนใจ ซึ่งที่สำคัญรัฐบาล คือ ฝ่ายการเมือง ควรรักษาระยะห่างการเข้าไปกดดันเกี่ยวพันกับแบงก์ชาติมากเกินไป จะทำให้ภาพความน่าเชื่อถือของแบงก์ชาติที่ต้องการความเป็นอิสระลดลง” นายชนินทร์ ระบุ

นอกจากนี้ นโยบายคลัง คือ กลไกสำคัญที่อยู่ในมือรัฐบาล เหมือนลูกบอลอยู่ในเท้า ทำไมไม่ใช้ จะต้องรอโครงการดิจิทัล วอลเล็ต อย่างเดียว ไม่มีแผนสองอยู่ในสมองบ้างเลยหรือ อย่างนี้จะดูแลประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้าที่จะดูแลคนยากจน ที่รอการช่วยเหลืออยู่ได้อย่างไร

ขณะเดียวกัน ถ้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ไปไม่ไหว ยังไม่มีกำหนดที่ชัดเจน รัฐบาลควรดูแลคนจน กลุ่มเปราะบาง จำนวนไม่ถึง 20 ล้านคน ให้มีเงินใช้จ่ายอยู่ในมือ ซึ่งทำได้ทันที และไม่ต้องกู้ เพราะใช้เงินประมาณ 2 แสนล้านบาท จบโครงการ โดยปัญหาเรื่องการบริโภคในประเทศ ไม่ได้มีปัญหารุนแรง เพราะว่ามีการเติบโตอยู่จากตัวเลขของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแบงก์ชาติก็โตอยู่ประมาณ 7-8 % แต่ที่มีปัญหา คือ การบริโภคใช้จ่ายของภาครัฐที่ลดลง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำได้อยู่แล้ว คือการไปเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การลงทุน ให้รวดเร็ว แต่ต้องไม่รั่วไหล

อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อลดลงไม่ใช่เรื่องที่จะตีความว่า “เศรษฐกิจแย่”เพราะรู้กันอยู่ มาจากการเข้าไปอุดหนุนราคาพลังงานน้ำมันและไฟฟ้า ทำให้เงินเฟ้อผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ดังนั้น ช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศมีปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจก็มาก ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การลงทุน และการจ้างงาน โดยเฉพาะภาคบริการปรับตัวดีขึ้น แต่ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่ดี โทษใครไม่ได้ นอกจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของรัฐบาลเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฮือ! ขวาง ‘โต้ง’ ยึดธปท.

นักวิชาการ-กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ย้ำหากฝ่ายการเมืองเข้าไปเป็นบอร์ด ธปท. สุ่มเสี่ยงเกิดการกินรวบ เป็นหายนะต่อประเทศ “กองทัพธรรม” ขยับล่าชื่อต้าน

เอ็มโอยู44-เอื้อนายทุน จุดจบรัฐบาลไม่ครบเทอม

หากอ้างอิงข้อมูลจากนิด้าโพลเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา หัวข้อ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ อยู่ครบเทอมหรือไม่ โดยประชาชนมากกว่า 57.71% มองว่าอยู่ไม่ครบเทอม ประกอบด้วยสัดส่วนร้อยละ

ผวาหายนะประเทศ! แห่ลงชื่อต้านฝ่ายการเมือง-กิตติรัตน์ ยึดแบงก์ชาติ

จากกรณีที่ในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย. นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือประธานบอร์ด

อดีตคนธปท.ต้านแทรกแซง

แรงต้านแทรกแซงแบงก์ชาติขยายวง อดีตพนักงาน ธปท.อีก 416 คน ร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึก ยกจรรยาบรรณประธานบอร์ดห้ามเอี่ยวการเมือง เรียกร้องคณะกรรมการสรรหาฯ

อดีตพนักงาน ธปท. ร่อนจดหมายต้านการเมืองแทรกแซงตั้งบอร์ดและประธานแบงก์ชาติ

จดหมายเปิดผนึกจากอดีตพนักงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย จรรยาบรรณที่พึงมีสำหรับตำแหน่งประธานและกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย

จับแล้ว! 2 แม่ลูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลูบคม 'ปธ.กมธ.ตำรวจ'

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (ผบก.สอท.5) พ.ต.อ.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ