'จตุพร' เชื่อปฏิบัติการสายเหยี่ยว เล่นเกมเสี่ยงกำจัด 'ก้าวไกล' คู่จิ้นเพื่อไทย

“จตุพร” จับตาสายเหยี่ยวกลุ่มบงการดีลเล่นยาแรงคุมสภาพดีลถูกเบี้ยว คาดงัดมาตรการสูงขั้นล้มล้าง ปชต. ชี้คำวินิจฉัยศาล เข้าทาง“เรืองไกร” รีบตะครุบยื่นยุบพรรค เชื่อก้าวไกลเข้าตาอับมีแต่ตายและตายเพื่อหาทางได้เกิดใหม่

1 ก.พ.2567 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ระบุว่า ขบวนบ่งการดีลสายเหยี่ยวเริ่มก่อปฏิบัติการแทนที่สายพิราบ เนื่องจากหวาดหวั่นจะถูกเบี้ยวดีลจึงเล่นเกมเสี่ยงล้มล้างพรรคก้าวไกลเพื่อควบคุมพรรคเพื่อไทยที่ถูกทำให้เชื่อว่า ยังมีมิตรภาพทางการเมืองต่อกันอยู่

นายจตุพร กล่าวว่า นึกไม่ถึง ศาล รธน.จะจัดเต็มวินิจฉัยพรรคก้าวไกลเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แล้วในวันที่ 1 ก.พ. นี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ รีบนำคำวินิจฉัยไปยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยุบพรรคก้าวไกลทันทีตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 92 (1) ซึ่งแทบไม่ต้องไต่สวนอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว

"ในเวลานี้ ในทางการเมืองแล้ว (พรรคก้าวไกล) จะเดินหน้าก็ตาย หยุดก็ตาย ยอมรับ-ไม่ยอมรับก็ตาย ปัญหามีว่า ตายอย่างไรจึงจะได้เกิดใหม่ แม้ศาลสั่งให้หยุดการกระทำ แต่ถ้าพรรคการเมืองหยุดแล้ว ส่วนขบวนการ (ร้องเรียน) ยังเดินต่อเอาผิดตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 92 เพราะไม่เกี่ยวกันกับคำวินิจฉัยของศาล"

นายจตุพร เชื่อว่า ปัจจัยการเมืองจากนี้ไปจำนวน 44 สส.เมื่อคราวที่แล้วกับ สส.ในปัจจุบันร่วมกันลงชื่อแก้ ม.112 ดังนั้น จึงมี สส.ก้าวไกลกับกรรมการบริหารพรรคร่วม 50 คนต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองถ้าถูกยุบพรรค

ดังนั้น สถานการณ์จากนี้ไป นายเรืองไกร รีบตะครุบยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 92 (1) กับ กกต. เพื่อนำส่งต่อศาล รธน.วินิจฉัยอีกครั้ง ซึ่งกรณีเช่นนี้จะไปบรรจบกับปัญหาการดีลทางการเมืองกันอย่างไร เพราะเป็นช่วงจะเกิดการผลัดเปลี่ยนการเมืองเข้ามาผสมกันด้วย

"ถ้าประเมินโดยไม่เกี่ยวกับคำวินิจฉัยของพรรคการเมืองแล้ว ในทางการเมืองกรณีดีลพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทำเสมือนเป็นคู่มิตรสัมพันธ์กัน (จับมือตั้งรัฐบาลร่วมกันหลัง สว.พ้นวาระ 11 พ.ค.) แต่ผู้มีอำนาจกลับเชื่อว่าเป็นจริงและยังมีมิตรไมตรีต่อกันและกันอยู่ โดยไม่ได้ทำเป็นแค่คู่เสมือนเท่านั้น"

นายจตุพร กล่าวว่า ในทางการเมือง ผู้มีอำนาจบ่งการดีลจะไม่เข้ามาเสี่ยงด้วยกับการผิดดีลหรือเบี้ยวดีลที่จะเกิดความฉิบหายรอบวง แต่สถานการณ์ขณะนี้ดูเหมือนว่า นับจากนี้ไปการจัดการตามแนวทางของสายเหยี่ยวจะมาแทนที่สายพิราบเมื่อเริ่มรู้สึกว่า ดีลจะเริ่มถูกเบี้ยวขึ้นมา จึงเกิดมาตรการตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้

อีกทั้งระบุว่า การดีลกันครั้งนี้ก่อผลกระทบในวงกว้างมากมาย ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเมินเฉยและปล่อยวาง ที่ฝ่ายเสื้อแดงบางส่วนและเสื้อเหลืองก็มีไม่น้อยกลายเป็นเสื้อส้มด้วยความคับแค้น ดังนั้น ถ้าดีลครั้งนี้ถูกเบี้ยวซ้ำอีก ย่อมเสียหายครั้งใหญ่โดยไม่จำเป็นเลย

"เมื่อขบวนการการดีลเล่นเกมเสี่ยงโดยไม่ให้ติดคุกแม้แต่วันเดียว หรือการตั้งรัฐบาลพิเศษในลักษณะพรรคร่วมหลากสีเสื้อ (เลิกขัดแย้ง) กันอย่างนี้ ดังนั้น ถ้าเริ่มจัดการคู่จิ้นที่เป็นมิตรกันฝ่ายหนึ่งแล้ว ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องจัดการด้วยเช่นกัน ดังนั้นสถานการณ์ถัดจากนี้ไปจะไม่ง่าย และกลัวจะลงเอยแบบ 22 พ.ค. 57 เพราะกลุ่มบ่งการดีลเริ่มสงสัยดีลกำลังจะถูกเบี้ยว”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าพรรคก้าวไกลอ่านมาตรา 92 กฎหมายพรรคการเมืองอย่างเคร่งครัดแล้ว ย่อมไม่มีทางอื่นเลย และแม้ต้องหยุดกระบวนการนำไปสู่การแก้ ม.112 โดยฉับพลัน แต่หนทางนี้ยังจะเอาตัวรอดจากการถูกยุบพรรคแทบไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม ท่วงทำนองของพรรคก้าวไกลเป็นสิ่งสำคัญ แม้ยังยืนตัวตรงเดินไปตายเอาดาบหน้า แต่ก็เกิดผลกระทบกับเสียงสนับสนุนพรรคที่จะลดหายไปอีกไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้น กว่าจะถึงการเลือกตั้งใหม่สถานการณ์การเมืองยังต้องพลิกเปลี่ยนกันอีกหลายตลบ โดยตั้งแต่หลัง 18 ก.พ.นี้ แล้วยังมีกระบวนการแก้ปัญหาเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย และกรณีศาลสั่งยุบพรรคก้าวไกล หากมาไล่เลี่ยกัน ดังนั้น อนาคตการเมืองจึงมีแต่ความเสี่ยงในยามรัฐบาลชุดนี้ที่เปราะบางที่สุด

"ความน่ากังวลจึงต้องเกิด เพราะสิ้น พ.ค.การเลือกตั้ง สว.ใหม่จะเสร็จพรรคก้าวไกลหมด เนื่องจากมีความพร้อมทางความคิดมากที่สุด แล้วยังไม่เคยบริหารบ้านเมืองมาก่อนเลย ถ้าได้เป็นสักครั้งแล้ว อาจไม่แตกต่างพรรคเพื่อไทยก็ได้ ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จ คนจะสิ้นสงสัย"

นายจตุพร กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองหลังวันที่ 31 ม.ค.นี้ กรณีคดีก้าวไกลล้มล้างการปกครองสะท้อนถึงกลิ่นจะไม่มีการเลือกตั้งครั้งใหม่โชยมา จึงต้องติดตามในทุกมิติอย่างละเอียดยิบ เพราะยังมีอะไรเปล่งๆ อยู่

“เชื่อว่า ไม่เกินสงกรานต์นี้รู้เรื่องกันหมดสิ้นกระบวนการดีลและขบวนการกลุ่มบ่งการดีลที่ก่อปัญหาให้บ้านเมือง แล้วยังลากสถาบันกษัตริย์มาให้เสื่อมเสียอีกคงเผยโฉมหน้าออกมาให้เห็นเค้าลางกันเสียที”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลรธน. มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง ปมจำกัดสิทธิสมัคร สว.

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัจฉัย กรณีที่ นายเสฐียร ศรีเมือง (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ดังนี้ 1.การกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​

'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก โต้ 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนาสู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง' คงทดแทนพอแล้ว

'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก อารมณ์อึดอัดพลุกพล่าน พูดกราดเกรี้ยวดุดัน โชว์ถ่อยเป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯ ลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา' สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง

จตุพรชี้ รัฐบาลพ่อเลี้ยง ขาดพ่อก็จบ ไม่มีคนเกรงใจ

“จตุพร” ชำแหละรัฐบาลพ่อเลี้ยง สะท้อนนายกฯ ยังละอ่อนการเมือง ฉะพ่อก้าวร้าว อาละวาดตบจูบทำเสมือนเป็นนายกฯ ตัวจริง ส่วนลูกแค่ร่างทรง เชื่อขาดพ่อรัฐบาลก็จบ จับตาเชือด “พีระพัง” หลังปีใหม่ ระบุขวางผลประโยชน์กลุ่มทุนผูกขาด ซัดสหายใหญ่ ทำตัวเป็นแมวเสียศักดิ์ศรีคุมกลาโหม ชมฉายา “อนุทิน- รมต.น้ำ” รู้เท่าทันสถานการณ์บังคับให้เล่นเป็น อยู่ได้ ชี้นายกฯ แพทองโพย เอาแต่อ่านทำภาพลักษณ์ผู้นำหายหมด

การเมืองมกรา’68 พรรคร่วมร้อนรุ่มแตกหัก ‘ทักษิณ’ หนาวสะท้านชั้น 14

ทักษิณขยี้หนัก โชว์ภาพตีกอล์ฟขนาบข้างทุนผูกขาด ส่อสื่อสัญญาณรุก “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” คาดชะตากรรมไม่แตกต่าง “ประวิตร-พปชร.” ประเมินปี 68 ปมชั้น 14 ทำการเมืองร้อนแรง

ไม่ให้ราคา กกต.!ชูศักดิ์บอกส่งเอกสารแจงครอบงำพอขู่หลังปีใหม่รู้นักร้องคนไหนโดนเช็กบิล

'ชูศักดิ์' บอก นายกฯ ไม่จำเป็นต้องไปแจง กกต.เอง ปม 'ทักษิณ' ครอบงำ ชี้มีแต่เรื่องเก่าๆ เผยหลังปีใหม่รูัใครโดนเช็กบิลบ้าง