สว.สมชาย ชี้เอกสาร ป.ป.ช. เตือนแจกเงินดิจิทัล เสี่ยงซ้ำรอยจำนำข้าว แนะถอย!

สมชาย แสวงการ

16 ม.ค.2567 - นายสมชาย แสวงการ สว.ฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่คณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความมเห็นเกี่ยวกับนโยบาย กรณี การเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีข้อเสนอแนะต่อนโยบายเติมเงินฯ ของรัฐบาลเพื่อป้องกันการทุจริต ว่า ตนได้เห็นรายละเอียดดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นประเด็นที่คณะกรรมการดิจิทัลของรัฐบาลควรรับไปพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบ และต้องพิจารณาควบคู่กับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ตอบคำถามในประเด็นดังกล่าวเช่นกัน

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะนั้นเป็นประเด็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตต่อการทำนโบายของรัฐบาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 32 โดยมีรายละเอียดของข้อเสนอแนะที่สำคัญ คือ สถานการณ์ประเทศยังไม่วิกฤต และการทำนโยบายควรมุ่งเน้นกลุ่มเปราะบาง รวมถึงใช้แอพลิเคชั่นเป๋าตังค์แทนใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน รวมถึงคำนึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

“ในข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.ที่มีจำนวนหน้ากว่า 177 หน้า พบว่ามีข้อเสนแนะอยู่ 58 หน้าที่เหลือนั้นเป็นภาคผนวก ที่ผมมองว่าเป็นส่วนสำคัญ หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการจนเกิดความเสี่ยง หรือการกระทำที่ทำผิดกฎหมาย เอกสารในภาคผนวกนั้นสามารถใช้เป็นเอกสารพยานหลักฐานต่อศาลได้ ซึ่งการเตือนของ ป.ป.ช.นั้น คล้ายกับการวินิจฉัยในโครงการรับจำนำข้าว” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ตนมองว่ารัฐบาลควรเลิกโครงการดังกล่าว แต่หากจะมุ่งมั่นเพื่อใช้เงินของประเทศ ผ่านการกู้เงินทั้ง การออก พระราชกำหนด หรือ พระราชบัญญัติ ควรพิจาารณาปรับรายละเอียด เช่น พุ่งเป้าเฉพาะกลุ่มเปราะบาง 1.5 แสนล้านบาท ส่วน 3.5 แสนล้านบาท ให้นำมาใช้กับนโยบายอื่นๆของรัฐบาลที่เน้นการจ้างงาน เพิ่มทักษะการทำงานของประชาชน จ้างงานนักศึกษาจบใหม่ พัฒนาด้านระบบเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศหรือทักษะการประกอบอาชีพของประชาชน เป็นต้น

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ประเทศเสียเวลา 4 เดือนกับดิจิทัลวอลเล็ต ที่ไม่เห็นผลสัมฤทธิ์ แทนที่จะได้เห็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนในระยะต่างๆ ส่วนตัวมองว่าที่ยังไม่เห็นผลการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนคาดหวัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง เดินทางไปต่างประเทศมากจนเกินความจำเป็น และตนมองว่าภารกิจในต่างประเทศบางอย่างควรให้รองนายกฯ ที่เกี่ยวข้อง หรือ รมว.การต่างประเทศ รมว.พาณิชย์ไปดำเนินการแทน ซึ่งรวมถึงการเดินทางไปดาวอส สวิตเซอร์แลนด์

“นายกฯ เดินทางไปตลอดเวลา แทนที่จะนั่งหัวโต๊ะ เป็นแม่ทัพการนำแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่ง 4 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่ให้ผ่านโปร และยังให้สอบตก ผมมองว่ารัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศควรสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศก่อนี่จะบินไปต่างประเทศบ่อยๆ แม้ว่านายกฯ จะบอกว่าเขาคือเซลแมนประเทศ แต่เขามีผลผลิตอะไรใหม่ๆ หรือสินค้าอะไรไปขายต่างชาติบ้าง หากจะไปแค่ทำความรู้จัก ผมมองว่าแค่ส่งนามบัตร หรือ โบว์ชัวร์ไปก็ได้ เทียบกับคนที่เพิ่งตั้งบริษัทใหม่ๆ ยังไม่เข้มแข็ง แต่ซีอีโอเดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น บางงานที่ไม่จำเป็นควรให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปทำแทน” นายสมชาย กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.เปิดเซฟ 6 รมต.ค่ายน้ำเงินล็อตแรก ‘ศุภมาศ’ อู้ฟู่พันล้าน

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำ

เปิดขุมทรัพย์ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย  ‘จุลพันธ์’ 86 ล้าน ‘สุริยะ’ รวยจริง 1.6 พันล. ซื้อเครื่องบิน 30 ล้าน

-สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำ

คดีค้างอื้อ! เบรกสว.สีน้ำเงินลงมติห็นชอบ ชี้ขัดกันแห่งผลประโยชน์

สว.อิสระค้าน พุธนี้สภาสูงลงมติเห็นชอบป.ป.ช.-ตั้งกมธ.สอบประวัติว่าที่กกต. ยกเหตุเพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หลังสว.เกินครึ่งมีเรื่องค้างที่ตึกป.ป.ช.-กกต.

สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่ 2 ชื่อพุธนี้ วัดใจ 'สว.สีน้ำเงิน' ชี้รอดหรือร่วง

สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่สองชื่อพุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงิน ให้ผ่านหรือตีตก สองบิ๊กตุลาการ พ่วงตั้งกมธ.สอบประวัติฯ ว่าที่กกต.ใหม่สองคน พบแบ็คกราวด์ไม่ธรรมดา แน่นปึ๊กสีน้ำเงิน