‘สุวัจน์’ ชี้เปรี้ยง ‘อุ๊งอิ๊ง’ เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก ‘เศรษฐา’

8 ม.ค.2567 - ที่จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการมองการเมืองปีมังกรทอง 2567 ว่า เมื่อสองวันที่ผ่านมาการเมืองถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีที่สภาให้ความเห็นชอบงบประมาณสำหรับปี 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาทเป็นเงินจำนวนมากที่จะนำมาใช้จ่ายการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะตอนนี้เราต้องการเม็ดเงิน เราต้องการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กิจกรรมทางโครสร้างพื้นฐานเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะต้องยอมรับว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้เติบโตตามเป้าหมาย จีดีพีกว่า 2% ฉะนั้นเม็ดเงินจำนวนมากนี้รัฐบาลต้องเร่งรัดในการดำเนินการใช้จ่าย เพราะอีก 3-4 เดือนก็ต้องมีงบประมาณปี 2568 เข้ามาแล้ว ฉะนั้นงบปี 67 เมื่อสภาให้ความเห็นชอบแล้วก็ต้องเร่งรัดในการใช้จ่ายเพื่อให้เงินไปถึงมือพี่น้องประชาชนเพื่อไปกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายสุวัจน์ ยอมรับว่า เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของเรายังบอบบางและยังต้องการการกระตุ้น ฉะนั้นงบประมาณนี้มีความสำคัญ ขณะเดียวกันก็มีข้อห่วงใยมีความคิดเห็นจากสภาหลายๆอย่าง ซึ่งตนเชื่อว่าสภาก็คงจะรับฟังเพื่อไปปรับปรุงหรือแม้กระทั่งในชั้นของคณะกรรมาธิการวิสามัญ 70 กว่าคนก็คงจะรับข้อคิดเห็นร่วมกันของสภาไปปรับปรุง เพื่อให้การใช้จ่ายเม็ดเงินต่างๆของงบประมาณส่วนนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้าก็ได้รับการแต่งตั้งโดยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งก็คงจะใช้ประสบการณ์ช่วยกันปรับปรุงรายละเอียดตามข้อเสนอแนะของฝ่ายค้านและของ ส.ส.รัฐบาล เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

“ผมว่าปีนี้น่าที่จะเป็นปีที่เรามีเศรษฐกิจที่น่าที่จะเข้มแข็งกว่าปีที่ผ่านมา เพราะว่าการเมืองค่อนข้าวที่จะมีเสถียรภาพ รัฐบาลมี 300 กว่าเสียง ฉะนั้นเสถียรภพการเมืองก็คงจะทำให้รัฐบาลสามารถที่จะเดินหน้าโครงการต่างๆได้ดี และเศรษฐกิจก็น่าที่จะกระเตื้องขึ้น เพราะว่างบประมาณจำนวนมากจากงบปี 2567 และนักท่องเที่ยวปีที่แล้วประมาณ 27 ล้านคน แต่ว่าด้วยมาตรการต่างๆของรัฐบาลในการสนับสนุนเรื่องวีซ่า เรื่องการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว การลดภาษีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชักจูงนักท่องเที่ยวในการที่จะมาบริโภคใช้จ่ายมากขึ้นในประเทศไทย ผมเชื่อว่าปีนี้นักท่องเที่ยวอาจจะต้องกลับมาใกล้เคียงก่อนเกิดโควิดที่มี 40 ล้านคน ปีที่แล้ว 27 ล้านคน ฉะนั้นปีหน้าอย่างน้อยน่าจะได้สัก 35 ล้านคน ถ้าเร่งเครื่องกันจริงๆ ทำกันอย่างเต็มที่ ช่วยกันโปรโมทกันเต็มที่ นำซอฟต์พาวเวอร์มาใช้ จัดกิจกรรมอินเตอร์ ประชาสัมพันธ์ให้ดีเราอาจจะได้ 40 ล้านคนก็ได้ ส่งออกปีที่แล้วก็ไม่ขยายตัว ฉะนั้นฐานต่ำปีนี้ยังไงก็ต้องดีกว่าเดิม ฉะนั้นการส่งออกก็ต้องดีกว่าเดิม การท่องเที่ยวก็ต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม “นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็รอดูเรื่องเงินดิจิทัลวอเล็ต ส่วนที่จะแนะนำอะไร ตอนนี้กฤษฏีกาก็ให้ความคิดเห็นมาแล้ว แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด เห็นว่าทางรัฐบาลจะมาชี้แจงว่าข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะอะไรต่างๆจากกฤษฏีการัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร แต่ก็คิดว่าถ้าเกิดสามารถดำเนินการได้ก็จะเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การขยายตัวของจีดีพี จะมีเม็ดเงินมาอยู่ในมือของประชาชนก็จะมีการจับจ่ายใช้สอยเศรษฐกิจต่างๆจะดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจต่างจังหวัดก็จะดีขึ้น แต่ก็ต้องดูว่าความเห็นของกฤษฎีกาจะมีอะไรที่ไหมที่รัฐบาลจะต้องปรังปรุงในการดำเนินการดิจิทัลวอร์เล็ด
ส่วนเรื่องที่นายกรัฐบาลตรีติงเรื่องขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับเงินเฟ้อนั้น ตนคิดว่า วันนี้ดอกเบี้ยของโลกเริ่มชะลอตัวลง วันนี้เป็นขาลงของดอกเบี้ยโลก เพราะว่าเงินเฟ้อเริ่มต่ำ เดินทีเขาขึ้นดอกเบี้ยเขาต้องการจะกดเงินเฟ้อ แต่พอเงินเฟ้อสูงไปก็จะชะลอการใช้จ่าย วิธีการชะลอใช้จ่ายก็คือการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้คนเอาเงินไปฝาก แต่ตอนนี้เงินเฟ้อเริ่มลดลงแล้วโดยธรรมชาติดอกเบี้ยของโลกก็ต้องลดลง และดอกเบี้ยภายในประเทศเราก็ต้องลดลง ฉะนั้นมันก็น่าที่จะทำให้เกิดภาวการณ์ลงทุน เวลาดอกเบี้ยถูกคนก็พร้อมที่จะกู้อะไรต่างๆมาลงทุน ฉะนั้นภาวะดอกเบี้ยขาลงเป็นผลดีต่อภาวะการลงทุน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมานั่งนายกรัฐมนตรี ต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่า “คุณอุ๊งอิ๊ง” ก็เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว และเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฉะนั้นโดยคุณสมบัติ หรือว่าโดยประสบการณ์ต่างๆ ก็สามารถที่จะเป็นได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในเรื่องของการที่จะแต่งตั้งเรื่องของนายกรัฐมนตรีต่างๆ เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย เพียงแต่ว่าถ้าพูดถึงคุณสมบัติส่วนตัวและเป็นความเห็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีก็มีความเหมาะสมอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องการเมือง เรื่องการเปลี่ยนแปลงอะไร เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย ตนไม่ทราบ ส่วนพรรคชาติพัฒนากล้าก็พร้อมสนับสนุน เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว เพื่อให้บริหารประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง ยิ่งมีความต่อเนื่องเท่าไหร่มีเสถียรภาพที่มั่นคงเท่าไหร่ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่างๆเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย

ส่วนความมั่นใจรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปีแน่นนอนนั้น เรื่องนี้ตนคิดว่าการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน เหมือนขับรถออกจากบ้าน ไม่รู้จะยางแตกเมื่อไหร่ หรือจะมีอุบัติเหตุอย่างไร แต่ว่าโดยพื้นฐานของรัฐบาลมี 300 กว่าเสียง เสถียรภาพค่อนข้างที่จะมั่นคง ฉะนั้นมีโอกาสที่จะมีอายุยืนนานในการบริหารประเทศ หรือจะบอกว่า 4 ปีก็มีโอกาสสูง แต่บางทีการเมืองไม่แน่หรอก บางทีมีเสถียรภาพการเมือง แต่บางทีรัฐบาลเองก็อาจจะอยู่ไม่ครบด้วยตัวเอง ก็คือมีความตั้งใจที่อยากจะเลือกตั้ง หรือบางทีอาจจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุหรือบางทีมีอะไรที่การเมืองก็ไม่คาดคิด

"แต่ผมคิดว่าถ้าเกิดรัฐบาลสามารถที่จะอยู่ครบ 4 ปีได้ มันจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศ เหมือนกับมีประชาธิปไตย เลือกตั้ง อยู่ครบเทอม การลงทุน เศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักท่องเที่ยวจะดีกับประเทศ  ฉะนั้นถ้าเราพยายามให้การเมืองมีเสถียรภาพ  รัฐบาลอยู่ได้ด้วยอายุตามกลไกของสภา 4 ปี ได้ตนว่าก็เป๋นเรื่องที่ดี แต่ถึงจะอยู่ไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่ปรกติในระบอบประชาธิปไตย "นายสุวัจน์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ แก่ 'เศรษฐา ทวีสิน'

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยา