'หมิว สิริลภัส' ปล่อยโฮกลางสภาฯ อภิปรายงบดูแลสุขภาพจิต สส.ก้าวไกล ร้องไห้ระงม

อดีตนักแสดง "หมิว สิริลภัส" สส.ก้าวไกล ร้องไห้น้ำตาท่วมสภาฯ อภิปรายเสียงสั่น ถกงบสุขภาพจิต บอกรัฐบาลลองมาเป็นผู้ป่วยจะได้รู้ถึงการต่อสู้ เผยรอยกรีดแขนทั้ง 2 ข้าง "ธิษะณา" ร้องไห้ตามอีกคน เพื่อนในพรรคแห่ปลอบใจ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วันที่สาม โดยน.ส.สิริลภัส กองตระการ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายถึงงบประมาณในสัดส่วนกระทรวงสาธารณสุข ว่า จากนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงกับประชาชน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้หยิบยกประเด็นสุขภาพจิตและยาเสพติดให้เป็นนโยบายสำคัญ 1 ใน 13 นโยบาย ยกระดับ 30 บาทพลัส เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน และดูเหมือนว่ารัฐบาลชุดนี้จะให้น้ำหนักไปที่อาการของผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติด มากกว่าปัญหาสุขภาพจิตปกติที่เป็นวิกฤตเหมือนกัน

น.ส.สิริลภัส ได้เปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยสุขภาพจิตที่เกิดจากยาเสพติดกับผู้ป่วยสุขภาพจิตประเภทอื่นว่า ผู้ป่วยสุขภาพจิตที่เกิดจากยาเสพติดมีประมาณ 2 แสนคน ขณะที่ผู้ป่วยสุขภาพจิตประเภทอื่น มีประมาณ 1 ล้านกว่าคน แตกต่างกันกว่า 5 เท่า โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีถึง 3.6 แสนคนแล้ว ตนจึงตั้งคำถามดังๆ กับรัฐบาลว่าได้ให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพจิตจริงหรือไม่ เพราะเมื่อดูนโยบายแล้ว ก็เหมือนจะให้น้ำหนักไปกับผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติด แต่ไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในทุกปี เพราะปัญหาผู้ป่วยจิตเวชอื่นๆอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด เหตุการณ์ความรุนแรงที่ก่อความสูญเสียนับครั้งไม่ถ้วน สาเหตุเกิดมาจากผู้ป่วยจิตเวชมีอาการขาดยา เมื่อได้รับการรักษากลับมาถึงบ้านไม่มีคนคอยกำชับ ดูแล ทานยาให้ตรงตามกำหนดอาการ ก็กำเริบอีก และก่อความรุนแรงขึ้นได้ อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศไทยในปี 2565 อยู่ที่ 7.97 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในทุกวันจะมีคนฆ่าตัวตายสำเร็จ 14 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี กลุ่มที่น่ากังวลใจที่สุดคือกลุ่มอายุวัยรุ่น นักศึกษา วัยทำงาน ที่เขาจะเติบโตมาเป็นบุคลากรของประเทศ

น.ส.สิริลภัส กล่าวต่อว่า การจัดสรรงบประมาณให้กรมสุขภาพจิต ซึ่งได้แค่ 1.8% จากงบของกระทรวงสาธารณสุข โดนตัดออกไปถึง 69.4% นอกจากนี้ เงินอุดหนุน โครงการที่ดูแลสุขภาพจิตวัยรุ่นและวัยทำงานก็มีน้อย เทียบกับโครงการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติดโครงการเดียว ได้งบประมาณถึง 1 ล้านบาท รัฐบาลต้องกลับไปทบทวนการจัดสรรความคุ้มค่า ร่วมถึงค่าตอบแทนที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่จิตเวชได้ทำงานต่อไป ตอบโจทย์สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เพิ่มบุคลากรด่านหน้า สร้างแรงจูงใจ เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษา และเพิ่มบัญชียาหลัก

ในช่วงท้ายของการอภิปราย น.ส.สิริลภัส กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและร้องไห้ว่าตัวเลขผู้ป่วยเหล่านี้คือชีวิต ชีวิตเหล่านี้คือคน คนที่เป็นลูกที่รักของครอบครัว หลานที่เป็นแก้วตาดวงใจของปู่ตาย่ายาย เป็นพ่อแม่ที่กำลังเลี้ยงดูลูกให้เติบโตมาเป็นบุคลากรของประเทศ เป็นเพื่อนที่รักของทุกคน โดยบุคลากรเหล่านี้จะเติบโตมาขับเคลื่อนประเทศของเราในมิติต่างๆ แต่การสูญเสียและการจากไปของบุคคลเหล่านี้ มันสร้างบาดแผลและการแตกสลายให้กับบุคคลที่ยังอยู่ ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน คนที่ตัดสินใจจบชีวิต พวกเขาไม่ได้คิดสั้น จากพวกเขาคิดมาดีแล้ว และคิดมามากพอแล้ว

“ดิฉันอยากจะให้ท่านมาลองสลับตัวดูกับคนที่กำลังต่อสู้ด้วยโรคนี้อยู่ ท่านจะได้รู้ว่าหากวันหนึ่ง ในวันที่สารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ ทำงานไม่เท่ากัน จะมีอาการที่เจ็บปวดทรมานขนาดไหน ดิฉันที่มีรอยกรีดอยู่ที่แขนทั้ง 2 ข้าง ท่านจะลงมาดูด้วยตาตัวเองก็ได้ แต่รอยกรีดนี้ไม่ได้กรีดแค่ที่แขนของดิฉัน พ่อกับแม่บอกว่ามันกรีดไปที่ใจของเขาด้วย ดิฉันไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่น ดิฉันผู้ที่พยายามจะจบชีวิตจากโลกนี้ไป เพราะดิฉันไม่สามารถรับมือกับสารเคมีในสมองทำงานไม่เท่ากันได้อีกแล้ว ในชีวิตนี้ดิฉันทำมามากกว่า 3 ครั้ง ดิฉันผู้ที่เข้ารักษาบำบัดกับโรคนี้มาหลายปี วันนี้ดิฉันสามารถลุกขึ้นมาใช้ชีวิตต่อได้ สามารถมาเป็นผู้แทนราษฎร มาพูดแทนประชาชน ลองคิดดูว่าหากรัฐให้ความสำคัญกับปัญหานี้ ท่านจะสามารถรักษาบุคลากรที่ขับเคลื่อนประเทศนี้ได้มากมายแค่ไหน”น.ส.สิริลภัส กล่าว

น.ส.สิริลภัส กล่าวว่า ตนขอพูดแทนผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยโรคจิตเวชอื่นๆที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งคุณแม่ที่เป็นซึมเศร้าหลังคลอด ขอให้พวกท่านช่วยพวกเราด้วย ให้ความสำคัญกับพวกเราด้วย ขอให้คนที่ไม่ได้รับสิทธิ์การรักษา สามารถเข้าถึงการรักษา และคนที่ได้รับสิทธิ์การรักษาแล้ว ได้รับสิทธิ์ครอบคลุม ให้เขาได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสม และขอแสดงความเสียใจกับคนที่จากไป ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคจิตเวชอื่น และขอเรียกร้องว่าอย่ามองข้ามคนกลุ่มนี้ เพราะทุกวันนี้มีคนที่พยายามฆ่าตัวตายมีอยู่ถึง 85 คนต่อวัน และขอให้ทำให้พวกเขาเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้พร้อมที่จะยืนเคียงข้างพวกเขา ทำทุกวิถีทางให้เขามีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการอภิปราย ได้มีเพื่อน สส.พรรคก้าวไกล ได้เข้าไปให้กำลังใจด้วยการจับมือและสวมกอด น.ส.สิริลภัส ซึ่งมี สส.ธิษะณา ชุณหะวัณ ร้องไห้ตามไปด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท   

รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง

ศาลรธน.ยืนยัน ‘อุดม’ ไม่เสียดสี แค่ตอบ ‘ข้อกม.’

ศาลรัฐธรรมนูญทำหนังสือตอบกลับสภาผู้แทนฯ ยืนยัน "อุดม สิทธิวิรัชธรรม" ตุลาการศาล รธน. แสดงความเห็นหลังยุบพรรคก้าวไกล "ยุบ 3 วันตั้งพรรค"

'ชัยธวัช' ยกอดีตมี 'นิรโทษกรรม ม.112' จี้พรรคการเมืองตกผลึกได้แล้ว

'ชัยธวัช' จี้ 'พรรคการเมือง' ควรรีบตกผลึก 'นิรโทษกรรม' เหตุ ปปช.รออยู่ ชี้ ในอดีตก็มี 'นิรโทษกรรม ม.112' มาแล้ว ไม่เกี่ยวกับความจงรักหรือไม่จงรักภักดี บอกของ กมธ. เป็นแค่รายงานศึกษา ขอ 'รัฐบาล' อย่ากังวลจนเกินไป