3 ม.ค.2567 - เมื่อเวลา 13.10 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท โดยนายเอกนัฎ พร้อมพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) อภิปรายว่า ตนเชื่อว่าถ้าเราช่วยกัน ก็จะสามารถปรับวิธีคิดในการบริหารจัดการใช้งบประมาณ ตนเชื่อว่าเราจะสามารถสร้างโอกาสจากวิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นได้ ตนไม่อยากให้โอกาสที่เป็นของประเทศที่เกิดจากวิกฤตต้องสูญเสียไป ขณะที่ประเทศไทยมองประเทศเพื่อนบ้านตาปริบๆ จีดีพีเพิ่ม 5-6 เปอร์เซนต์ ที่เราคาดการกันไว้จีดีพีประเทศไทยปีนี้อย่างดีก็เพิ่มประมาณ3 เปอร์เซนต์กว่า ถ้าจะทำได้ต้องรีบใช้งบฯฉบับนี้ ตนยังมีความหวังกับประเทศนี้
นายเอกนัฎ กล่าวต่อว่า งบประมาณฉบับนี้มีการตั้งงบขาดดุลไว้ 6.93 แสนล้านบาท ส่วนงบลงทุนที่มีการตั้งงไว้ 7.18 แสนล้านบาท ถือว่ามาถูกทางแล้ว มีการตั้งงบงรายจ่ายสูงกว่าเงินที่เรารับมาในสัดส่วนที่ตรงกับเงินที่นำไปลงทุน แบบนี้ตนถือว่าเริ่มติดกระดุมถูกเม็ด เพราะเห็นความสำคัญกับงบลงทุน เพื่อไปเติมเต็มขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างรายได้ อย่ามองแค่เฉพาะยอดเงินที่ปรากฏในงบประมาณเท่านั้น จะต้องใช้งบลงทุนอย่างมียุทธศาสตร์ ขอให้รัฐบาลมีระบบการรวมศูนย์การใช้งบประมาณ รวมถึงการเร่งสานต่อโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง หลังจากพิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้แล้ว จะต้องเร่งใช้เงินภายใน 4-5เดือน ให้ทันภายในปีงบประมาณ2567 โดยให้ท้องถิ่นนำไปกระจายใช้ ส่วนการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทยนั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าการใช้งบประมาณเกิดการทุจริต ดังนั้นงบประมาณที่นำไปใช้จ่ายต้องถึงประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ควรให้แต่ละหน่วยงานเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าตรวจสอบการใช้งบ ให้การใช้งบเกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญคือบรรยากาศ จะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งประชาชน
“สำหรับรัฐบาลชุดนี้เราเห็นสัญญาณของการยุติความขัดแย้ง ผ่านการเลือกตั้งมา 2 รอบแล้วผมหวังว่า จะเป็นการสิ้นสุดวาทกรรมเรื่องเผด็จการและประชาธิปไตย ผมหวังว่าสส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล จะช่วยกันพิจารณาผลักดันผ่านงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน เราอยากมีเงินมาลงทุนกับคุณภาพชีวิต ให้กับประชาชน หวังว่าสส.ทุกท่านจะเปิดใจให้โอกาสกับประเทศ ขอให้สส.ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้ประชาชน และใช้โอกาสนี้ในการรวมมือกันทำงานไม่ใช่แค่พิจารณางบฯเท่านั้น แต่ต้องติดตามการใช้งบต่างๆให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ มีความโปร่งใส เกิดประโยชน์สูงสุด ผมมั่นใจว่าถ้าเราร่วมมือกันเราทำได้”นายเอกนัฎ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ปชน.' ตีปี๊บ! 1 ปีฝ่ายค้านผลงานเพียบ เมินเรตติ้งร่วง โต้ฮั้ว พท.
'พรรคประชาชน' โวผลงานฝ่ายค้าน 1 ปี' เสนอกฎหมาย 84 ฉบับ ตั้งเป้าทำงานผสมผสานได้ทั้ง 'รุก-รับ' ปัดฮั้ว 'เพื่อไทย' เมินผลโพลคะแนนร่วง เปรียบ 'เตะบอล' ต้องรอจบ 90 นาที
'วิษณุ' การันตีรัฐบาลมีแหล่งที่มาเงิน อยู่ในคำแถลงนโยบาย
นายวิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีบุคคลนิรนามไปยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
‘พิชัย’ หยัน ‘โรม’ อภิปรายต่ำกว่าคุณภาพเดิม สร้างแต่วาทกรรมสาดโคลน
‘รมว.พาณิชย์’ เสียดาย ‘รังสิมันต์’ สร้างวาทกรรมสาดโคลน ทำบุคคลอื่นเสียหาย แนะ ต้องไม่กลายพันธุ์เป็นคนรุ่นเก่า
มวยถูกคู่! ให้คะแนน 'ณัฐพงษ์' เฉือน 'นายกฯอิ๊งค์' 6 ต่อ 5
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ให้คะแนน อุ๊งอิ๊ง 5 เท้ง 6 จากเต็ม 10
ปชป. อภิปรายอวย 'นายกฯอิ๊งค์' ขอบคุณรับ 3 ข้อเสนอ
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย โดยกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้บรรจุ 3 เงื่อนไขของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เสนอไว้ในการเข้าร่วมรัฐบาล 1.การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร 2.การแก้ปัญหาที่
วิป3ฝ่าย เคาะกรอบเวลาแถลงนโยบายรัฐบาล 29 ชม. ฝ่ายค้าน 13 ชม. สว. 4 ชม.ครึ่ง
ตลอดระยะเวลาการแถลงนโยบายเราจะใช้เวลาทั้งหมด 29 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นประธาน 1 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี 6 ชั่วโมง สว. 4 ชั่วโมง 30 นาที พรรคร่วมรัฐบาล 4 ชั่วโมง 30 นาที และ พรรคฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมง