'จุรินทร์' ตั้งฉายารัฐบาลนักกู้ถุงเท้าสีชมพู

'จุรินทร์' อภิปรายงบปี 2567 ซัดรัฐาบว่าแต่ยุค 'ลุงตู่' กู้เก่ง แต่ตัวเองก็กู้หนักเป็นนักกู้ถุงเท้าชมพู พร้อมแซะระเบียบกรมราชทัณฑ์ให้นักโทษเสวยสุข องครักษ์โต้ทนควันแตะนายใหญ่

03 ม.ค.2567 - ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภฯ ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 นั้นมีความสำคัญ ถ้าเสนอแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบของสภารัฐบาลต้องลาออกหรือยุบสภา แต่ก็เชื่อรัฐบาลคงเกณฑ์คนมาลงเสียงให้ผ่าน และเชื่อว่าร่างนี้จะผ่านการเห็นชอบ เพราะรัฐบาลมีเสียงเบ็ดเสร็จถึง 314 เสียง ถ้าไม่ผ่านท่านนายกฯ ต้องเลิกใส่ถุงเท้าแดงได้แล้ว อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการสนับสนุนร่างนี้ และฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ตรวจสอบทั้งตัวงบประมาณและตัวผู้ใช้งบ

นายจุรินทร์ อภิปรายต่อว่า ร่างงบประมาณนี้เป็นร่างแรกของรัฐบาลชุดนี้ เกิดจากการเอางบปี 2567 ของรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มารื้อทำใหม่หมด ซึ่งส่งผลให้ปฏิทินงบนี้ล่าช้าไปกว่า 9 เดือน นอกจากช้าเพราะรัฐบาลชุดนี้ใช้เวลาไปตั้งรัฐบาลแบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดหลายเดือน แต่หลังคณะรัฐมนตรีมีมติที่จะรื้อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายงบประมาณชุดที่แล้วก็ใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะกลับเข้าสู่สภาได้ ทำให้งบประมาณนี้ไปบังคับใช้ในเดือน พ.ค.2567 ฉะนั้นจึงส่งผลให้งบประมาณฉบับนี้เป็นง่อย เพราะงบประมาณทั้งสิ้น 3.48 ล้านล้านบาท รัฐบาลมีเวลาใช้เงินเพียงแค่ 5 เดือนจากปกติจะใช้ได้ 12 เดือน นั้นเท่ากับว่ามีเวลาใช้เงินเพียง 40% นอกจากนั้นประสิทธิภาพในการใช้เงิน โดยเฉพาะงบลงทุนของการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีเพียง 70% นั่นจึงทำให้งบนี้เป็นง่อยไม่สามารถเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่รัฐบาลวาดหวังได้อย่างเต็มร้อย โดยเฉพาะคนใช้งบที่ตอนนี้มีรัฐมนตรีอยู่ 34 คน โลกลืมไปสักกี่คนแล้ว

นายจุรินทร์อภิปรายต่อว่า นายกฯ พยายามตีปี๊บกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะจะมีผลต่อจีดีพี 18% แล้วถ้างบประมาณแผ่นดินกลายเป็นเป็ดง่อย และที่สำคัญหลังนายกฯสั่งรื้องบ ไปมอบนโยบาย 5 ข้อให้ทำงบประมาณใหม่พอมาวันนี้ไม่มีอะไรใหม่ แล้วมีหลายเรื่องแย่กว่าเดิมมี 4 ประเด็นที่เห็นชัด ประการแรก งบนี้มีการขาดดุล และจะขาดดุลต่อไปตลอดอายุของรัฐบาลชุดนี้ ที่ว่า 4 ปีจะขาดดุลตลอดนั้นไม่ได้มโน เพราะนั้นอยู่ในแผนการคลังของรัฐบาลที่ ครม.มีมติไว้เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2566 ประการที่ 2 งบประมาณของรัฐบาลชุดนี้เพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนการลงทุนน้อยกว่าเดิม แล้วเอาไปเพิ่มให้งบประจำ แล้วแบบนี้จะเอาไปกระตุ้นวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างไร ประการที่3 งบกลาง ดูผิวเผินลดลง แต่นั้นมันลวงตา เพราะงบกลางรวมๆ ปี 2566 นั้น 18.5% ของงบรวมแต่พอมาปี 2567 ลดลง 17.4% แต่ถ้าไปดูในไส้ในงบประมาณที่เป็นงบสำคัญคือเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินที่นายกฯและรัฐบาลนี้ บางพรรคที่วิจารณ์รัฐบาลก่อนๆปรากฏว่าแทนที่จะลดกลับกลายเป็นเพิ่ม งบปี 2566 จัดไว้ 92,400 ล้านบาท มาปี 2567 จัดเพิ่ม 98,500 ล้านบาท แบบนี้ว่าแต่เขาอิเหนาทำหมด และประการที่ 4 งบประมาณฉบับนี้เป็นงบคิดใหญ่ทำเป็น แล้วมาเป็นคิดกู้ทำกู้ เพราะงบประมาณงบปี 2567 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้แล้วกู้ที่ 5.93 แสนล้านบาท แต่พอรัฐบาลนี้รื้อใหม่กลายเป็นกู้ 6.93 แสนล้านบาท กู้เพิ่ม 1 แสนล้านบาท ท่านเคยวิจารณ์นักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เที่ยวนี้กลายเป็นนักกู้ถุงเท้าสีชมพู ที่กู้เพิ่ม 1 แสนล้านบาทนั้นไม่ทราบว่าท่านไปแบ่งเค้กกันอย่างไร

นายจุรินทร์ กล่าวว่า จะมีการกู้ดิจิทัลวอลเลต 5 แสนล้านบาท และสิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบคือเรื่องนี้เพราะไปหาเสียงไว้เยอะ แม้ว่านายกฯ พูดว่าจะไม่กู้ แต่ตีลังกากลับมากู้ แม้มีเสียงวิจารณ์ทั้งประเทศว่าเป็นการกู้มาแจกตามที่ได้หาเสียงเพื่อสนองนโยบายพรรคการเมือง และเป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้คิดไปคิดมาว่าถ้าออกพ .ร.บ.จะผิดกฎหมายก็เลยไปถามกฤษฎีกา วันนี้คำตอบยังไม่มา แต่วันนี้ถ้ากฤษฎีกาบอกว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย สุ่มเสี่ยง ก็อย่าไปโยนบาปให้กฤษฎีกา เพราะกฤษฎีกาไม่ได้เจ้าของนโยบาย

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า เห็นด้วยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่แตะหมวด 1 กับหมวด2 และการที่รัฐบาลประกาศว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วน แต่เมื่อเอาเข้าจริงเป็นหนังคนละม้วน พอเข้า ครม.กลับมีการตั้งคณะทำงานแทนการประกาศแก้ไข ถอยเวลาจากเร่งด่วนเป็น 4 ปี จากหนังสั้นเป็นหนังยาว และรัฐบาลบอกว่าจะทำประชามติได้ในเดือน ม.ค. ขณะเดียวกันซีกรัฐบาลก็บอกจะแก้ พ.ร.บ.ประชามติ และแบบนี้จะทำประชามติได้ในเดือน ม.ค.ได้อย่างไรแบบนี้จริงใจหรือจิงโจ้ สุดท้ายงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้งบประมาณ 14,972 ล้านบาท งบก้อนนี้เอาไปทำโครงการสำคัญที่สุดคือ โครงการผู้ต้องขังได้รับการคุมดูแล ระยะเวลาทำโครงการ 6 ปี วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อยกระดับดูแลผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลหลักสิทธิมนุษยชน โปร่งใสไม่เลือกปฏิบัติ ตนสนับสนุนงบประมาณก้อนนี้เพื่อให้รัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ แต่ตนมี 2 คำถาม คือ 1.รัฐบาลในฐานะผู้ใช้งบปี 2566 และกำลังของบปี 2567 ได้บริหารโครงการตามโครงการอย่างโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ต้องขัง 280,000 คนแล้วหรือยัง เพราะมีข้อเคลือบแคลงจากสังคมว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มากว่า 120 วันแต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว

ทำให้นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงนายจุรินทร์ต่อประธานอภิปรายนอกประเด็น โดยกล่าวว่า ไม่คิดว่านายจุรินทร์ อดีตรัฐมนตรี จะลุกขึ้นอภิปรายงบประมาณ เพราะล้มเหลวมาตลอด อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายคะแนนก็น้อยกว่าเขา ลากออกไปนอกประเด็น สไตล์เก่าๆ ไม่เห็นด้วย ที่จะนำเรื่องข้างนอกเข้ามาสู่สภา

“ผมรู้ว่าคนที่นายจุรินทร์ กำลังพูดถึงคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกกลั่นแกล้งไปอยู่เมืองนอก 17 ปี แต่ต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่ขออนุญาต มีใบรับรองจากอธิบดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นายครูมานิตย์กล่าว

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยว่า ผู้อภิปรายยังคงอภิปรายอยู่ในประเด็น แต่ขอให้นายจุรินทร์พยายามหลีกเลี่ยงการพูดชื่อบุคคลภายนอก

ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงนายครูมานิตย์ขอให้ถอนคำพูด โดยกล่าวว่า สิ่งที่นายครูมานิตย์พูดเป็นเท็จในสภานี้ ที่บอกว่าผู้อภิปรายเป็นบุคคลที่บริหารราชการล้มเหลว ถือเป็นการกล่าวหาเสียดสีอย่างร้ายแรง คิดว่าสภาแห่งนี้ทรงเกียรติ คำพูดที่ออกมาต้องมีเหตุผล มีข้อเท็จจริง

ประธานสภาจึงชี้แจงว่า เป็นการพูดแสดงความคิดเห็น ไม่ได้ผิดข้อบังคับ แต่นายชัยชนะ ไม่ยอม พร้อมกล่าวสวนว่า การกล่าวหาว่าล้มเหลว ต้องบอกว่าล้มเหลวตรงไหน ต้องให้นายครูมานิตย์ถอนคำพูด สภาจะได้มีบรรทัดฐาน ถ้าบอกว่าล้มเหลว รัฐบาลนี้ก็ล้มเหลว แต่ประธานสภาวินิจฉัยว่า ไม่ได้ผิดข้อบังคับ และขอให้นายจุรินทร์ อภิปรายต่อจนจบ ซึ่งนายจุรินทร์ยืนยันว่า ไม่ประสงค์จะเอ่ยชื่อบุคคลใด ขอให้สบายใจ เคารพกติกา

นายจุรินทร์ ได้กล่าวต่อว่า คำถามว่า 1.ทำไมนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้ร่วมบริหารโครงการเหล่านี้ไม่ทำข้อเคลือบแคลงสงสัยที่เอ่ยมาให้กระจ่าง 2.การใช้งบประมาณของกรมราชทัณฑ์ไปออกระเบียบ 6/12/66 หรือระเบียบว่าด้วยการดำเนินสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 อ้างว่าทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เรื่องนี้การใช้งบอาจจะส่อไปในทางไม่ชอบหรือไม่ ซึ่งระเบียบนี้กลายเป็นระเบียบศรีธนญชัย แทนที่จะแยกผู้ต้องขังที่เป็นผู้บริสุทธิ์ออกจากนักโทษเด็ดขาด กลับไปแยกผู้ต้องขังเด็ดขาดออกเป็นสองมาตรฐาน คือมาตรฐานที่1 ติดคุกที่เรือนจำและ2ติดคุกที่บ้านได้ จนมีเสียงวิจารณ์ว่าอาจทำให้คำพิพากษาของศาลไม่มีความหมาย และนักโทษบางคนไปติดคุดเสวยสุขที่บ้านได้ กลายเป็นนักโทษเทวดา แบบนี้ยิ่งจะเป็นการตอกย้ำฉายาเซลล์แมนสแตนชิน ของนายกฯ ให้กลายเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำกระทับติดตัวนายกฯตลอดไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็ก ปชป.ซัดขาประจำวิจารณ์พรรคหัดคิดบวกอย่าทำตัวเป็นมลพิษไปวันๆ

'ศักดิ์สิทธิ์' เตือนขาประจำวิจารณ์ ปชป. เปิดใจ คิดบวกมองเรื่องสร้างสรรค์ อย่าเป็นตัวมลพิษทำลายสุขภาวะบ้านเมือง

'จตุพร' ซัด 'ทักษิณป่วยทิพย์' สุมหัวปล้นยุติธรรม จี้ 'พรรคส้ม' ขยี้ให้จริงไม่ใช่โฉบไปเฉี่ยวมา

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ตำหนิ รพ.ตำรวจและเรือนจำพิเศษกรุงเทพ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ลุ้น! ศาลไต่สวน-ออกหมายขัง 'นักโทษเทวดา' ใกล้ตกสวรรค์

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กว่าเทวดาที่ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวใกล้จะตกสวรรค์แล้ว คณะกรรมาธิการความมั่นคงของสภาผู้แทน ได้ตรวจสอบแล้วแถลงเมื่อวานนี้ว่า

ปปช.ขอเวชระเบียนรพ.ตำรวจ 3 ครั้งไม่ให้ ต้องใช้สภาพบังคับตามพ.ร.บ.ปปช. งานนี้ มีติดคุก

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องใช้ไม้แข็ง

ชั้น 14 พ่นพิษ จับพิรุธ รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ ไม่ส่งเวชระเบียนและภาพถ่าย 'ทักษิณ' ร่อแร่รับกรรม

'จตุพร' ชำแหละ 'ทักษิณ'ป่วยทิพย์ เริ่มปิดไม่ลับ จ่อพ่นพิษให้รับกรรมบั้นปลายชีวิต 'เสรีพิศุทธ์' ชนหนัก เล่าสภาพนักโทษป่วยวิกฤตใส่กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ต มีเด็กรับใช้คอยบริการเสิร์ฟ ใช้ห้องคนป่วยพิเศษรับแขก จับพิรุธ รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ ไม่ส่งเวชระเบียนและภาพถ่าย ส่อไม่มีจริง เตือนเจ้าหน้าที่ลาภมิควรได้แลกกับชีวิตราชการคุ้มกันหรือ?