5 ธ.ค.2566- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ควบ รมว.คลัง กับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงความคืบหน้าการแจกเงินดิจิทัลไม่สอดคล้องกันสะท้อนถึงการตบหน้า ดูถูกประชาชนเป็นของเล่นทางอำนาจบริหารประเทศ
นายจตุพร กล่าวว่า นายเศรษฐา บอกได้คุยกับ รมช.คลัง แล้วว่า จะส่งร่าง พรบ.กู้เงินให้กฤษฎีกาตรวจสอบ แต่นายจุลพันธ์ กลับพูดคนละเรื่องว่า เป็นการส่งคำถามให้พิจารณาทางกฎหมายกับการแจกเงินดิจิทัลไม่เกี่ยวกับ ร่าง พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ดังนั้น คำพูดชี้แจงประชาชนจากรัฐมนตรีทั้งสองคนจึงกลับไปมา ราวกับเห็นประชาชนเป็นเพื่อนเล่น
อีกทั้งระบุว่า การให้เหตุผลที่ย้อนแย้งกันนั้น สะท้อนถึงการไม่ให้คุณค่าประชาชน เนื่องจาก รมช.คลัง ตั้งคำถามเพียงแจกเงินดิจิทัลขัดแย้งกับกฎหมายเงินตราหรือไม่ แต่ยังไม่เป็นที่ยุติ เพราะมี พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทอีก ถ้าไม่มีเงินก็แจกเงินดิจิทัลไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น ทำไมถึงไม่ถามการกู้เงินกับการแจกเงินดิจิทัลมีความสัมพันธ์กัน ควรส่งคำถามถึงกฤษฎีกาให้ควบคลุมเป็นที่ยุติในคราวเดียวกันได้
“การแจกเงินดิจิทัลเริ่มต้นไม่มีความตรงไปตรงมา หลอกตั้งแต่ปก และไม่ตรงปกสักอย่าง แล้วมารอคำตอบจากกฤษฎีกา ทั้ง รมว.คลังกับ รมช.คลัง ก็พูดกันคนละทาง ซึ่งชี้ได้ว่า ประเทศไร้ระบบและไม่เคารพประชาชนตามที่รับปากไว้ แต่ไปทำอีกอย่างแสดงถึงการดูแคลนประชาชน”
นายจตุพร กล่าวว่า การส่งคำถามกับกฤษฎีการนั้นควรถามให้ครบทุกประเด็นที่สัมพันธ์กัน ทั้งการแจกเงินดิจิทัลผิดกฎหมายการเงินหรือไม่ และกู้เงินมาแจกทำได้หรือไม่ เข้าข่ายเร่งด่วน วิกฤตตามกฎหมายวินัยการเงินการธนาคาร ม.53 หรือไม่ ดังนั้น จึงต้องถามให้จบทุกกระบวนการที่สัมพันธ์กันดัวย
นอกจากนี้ การดึงร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 67 ที่รัฐบาลเพิ่งพิจารณากรอบวงเงิน (ประมาณ 3.59 ล้านล้านบาท) เมื่อ 4 ธันวาคมนั้น นายจตุพร สงสัยว่า การถ่วงรั้งงบประมาณไว้ต้องการให้เกิดวิกฤตหรือไม่ ทั้งที่หลักการบริหารประเทศอันดับแรกต้องให้ความสำคัญกับงบประมาณแผ่นดินเพื่อจะมีเงินไปพัฒนาประเทศ แต่รัฐบาลกลับทำให้เกิดความล่าช้าและหาสาเหตุไม่เจอ
“สิ่งสำคัญรัฐบาลต้องการอะไร อยากให้เกิดวิกฤตหรือเปล่า ซึ่งการดึงร่างงบประมาณ 67 ไว้เป็นความแปลกประหลาดที่สุด ไม่แตกต่างจากการจะส่งคำถามถึงกฤษฎีกากรณีเงินดิจิทัลเพียงครึ่งเดียวคือ ถามแต่เงินดิจิทัล แต่ไม่ถามเรื่องเงินกู้ที่สะท้อนถึงความวิกฤตไปด้วยเลย”
ส่วนกรณีการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับฮามาสนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อฮามาสปล่อยตัวคนไทยแล้วใส่เสื้อมีรูปธงชาติไทยกับอิสราเอลจะเป็นบาดแผลสำคัญเนินนานถึงอนาคต เพราะแสดงถึงไทยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์สู้รบบนดินแดนฉนวนกาซา
อีกทั้งตั้งข้อสงเกตเกี่ยวกับจีนเลี่ยงมาลงทุนกับไทยว่า ถ้าประเทศไทยวางตัวไม่เป็น ไม่เหมาะสมในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้วจะเสียโอกาสอย่างมากมาย ยิ่งมีสัญญาณนักท่องเที่ยวจีนกับการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า จีนไม่ต้องการมาไทย
“สงครามพม่าก็เช่นกัน ในระยะสุดท้ายแล้ว ไทยจะรับสภาพผู้อพยพเต็มๆ ถ้าลุกลามให้ไทยเป็นคู่ขัดแย้งด้วยก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ โดยไทยไม่พร้อมอยู่ในสถานการณ์สงคราม เพราะเอาแต่ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง ยิ่ง รมว.กลาโหม (นายสุทิน คลังแสง) ส่งเสริมการลงแขกเกี่ยวข้าวเพื่อฟื้นวัฒนธรรมการเกษตรมาพัฒนาการต่อสู้ยิ่งไปกันใหญ่”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตือน ถ้าชื่อ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ' ผ่าน ครม.จะมีการฟ้องกันระนาวแน่
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า กรณีแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น
'นายกฯอิ๊งค์' ยกไอแพดคุย 'ทรัมป์' แสดงความยินดีชนะเลือกตั้ง ยันไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิ
วาระแห่งชาติ! 'มาดามแพ' ดูนิทรรศการ 'ผ้าไทยใส่ให้สนุก' ยันออกแบบทันสมัย วัยรุ่นใส่ทำงานได้
ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (
'จตุพร' ให้จับตา '22พ.ย.' จุดเปลี่ยนการเมืองไทย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า วันที่ 22 พ.ย.นี้จะเป็นปฐมบทของคนรักชาติได้ห
เพจไทยคู่ฟ้าโชว์ภาพ 'มาดามแพ' ขยันมาก! นั่งเครื่องกลับไทยก็ยังทำงาน
เพจไทยคู่ฟ้า เผยแพร่รูป น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ระหว่างนั่งเครื่องกลับประเทศไทย #นายก
จับตา นายกฯอิ๊งค์ นั่งบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ เคาะแก้หนี้ - แจกเงินหมื่นรอบใหม่
"คลัง" เตรียมชงบอร์ดนโยบายฯ เคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแพ็กเกจใหญ่ 19 พ.ย.นี้ เดินหน้า "แก้หนี้-อุ้มอสังหาฯ-มาตรการภาษี-ดิจิทัลวอลเล็ต" ปูพรมกระตุ้นตั้งแต่ปลายปีนี้- จนถึงปีหน้า