'ภูมิธรรม' โต้ 'ก้าวไกล' ให้ทำการเมืองสร้างสรรค์ ยันนายกฯ มีสิทธิ์ไม่ตอบกระทู้ได้

'ภูมิธรรม' แนะ 'ก้าวไกล' ทำการเมืองสร้างสรรค์ ขอให้ใจเย็นและรับฟังปัญหา ยันนายกฯ มีสิทธิ์ไม่มาตอบกระทู้ได้ แต่ยังพยายามรีบมาตอบถึง 2 กระทู้ ขออย่าอคติ-จับผิด ใช้เวทีสภาดิสเครดิต

27 ต.ค. 2566 - ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลกล่าวหาว่านายกฯไม่ยอมมาตอบกระทู้ของพรรคก้าวไกล แต่กลับตอบกระทู้ของพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ตนถือว่าเป็นสิทธิที่พรรคก้าวไกลจะอภิปราย แต่ถ้าเราทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ก็ควรจะใช้เหตุผลในการอธิบาย หรือกล่าวหาให้มากขึ้นกว่านี้ ตนเชื่อว่านายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายนั้นถ้าใจเย็นสักนิดและรับฟังปัญหาให้มากขึ้น บรรยากาศในการร่วมมือกันทำงานระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านจะดีมากขึ้นกว่านี้อีกมาก

“จริงๆแล้ว นายกฯตามข้อบังคับสภา ต้องยอมรับว่านายกฯ สามารถที่จะมาตอบหรือไม่ตอบก็ได้ หากท่านมีภารกิจ แต่ครั้งนี้ท่านก็มีภารกิจและได้ใช้เวลาในช่วงที่มาตอบกระทู้ได้ ก็พยายามรีบกลับมาตอบกระทู้ได้ใน 2 กระทู้ ฉะนั้น ถ้าเข้าใจ มีเหตุผลแบบนี้ และไม่อคติจนเกินไป ผมว่าบรรยากาศในสภาจะไม่เป็นเรื่องของคน 2 ฝ่ายที่ขัดแย้งกัน แต่จะเป็นเรื่องที่ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ อะไรที่เป็นของฝ่ายค้านที่ดี รัฐบาลก็สามารถรับไปดำเนินการได้ อะไรที่เป็นความเห็นของรัฐบาลก็อยากให้สนับสนุนและดำเนินการ ไม่อยากให้จับผิดกันหรือใช้เวทีทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเวทีรัฐสภาหรือเวทีอื่น ในการมาทำลายดิสเครดิตกัน ผมว่ามันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขอฝากพรรคก้าวไกลว่ารัฐบาลพร้อมทำงาน โดยในวันที่ 10 พ.ย. นี้ เราจะรับฟังความคิดเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญจากพรรคก้าวไกลและหลายพรรคการเมือง และจากกลุ่มวิชาชีพต่างๆ ซึ่งตนก็ยินดีที่จะไปร่วมกับฟัง เราไม่คิดว่าเป็นฝ่านค้านหรือรัฐบาล อย่างที่ตนเคยพูดกับพรรคก้าวไกลตั้งแต่ต้นแล้วว่า วันนี้เราต่างฝ่ายต่างอยากเป็นนักการเมืองที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศ ฉะนั้น เราควรทำการเมืองแบบใหม่ ไม่ใช่หาจุดโจมตีกันและไม่อยากเห็นสภาพว่าฝ่ายค้านโจมตีและดิสเครดิตกันตลอด ตนอยากเห็นสภาพที่ให้ประชาชนได้สบายใจ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลว่าอะไรที่เป็นเหตุลผล และเป็นสิ่งดี ช่วยกันทำงาน อะไรที่มีปัญหาก็ท้วงติง ไม่ใช่ทุกประเด็นต้องจับมาใช้ทุกโอกาสทุกเวลา ดิสเครดิต ก็จะไม่เป็นประโยชน์และไม่สร้างสรรค์

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นกับคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ จนทำให้พรรคก้าวไกลต้องยื่นญัตติเกี่ยวกับการทำประชามติ แต่ญัตติกลับต้องตกไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า การเมืองให้ดูที่ความเป็นจริง และใช้หลักการเหตุผลที่ถูกต้อง ที่พยายามเดิน เราทราบอยู่แล้วว่าในบรรยากาศ ในการเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่พรรคก้าวไกลเสนอว่าจะแก้ทั้งฉบับ ซึ่งไม่ตรงกับรัฐบาลที่ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ตรงนี้เป็นประเด็นที่เรารู้อยู่แล้วว่ายังมีคนส่วนหนึ่งที่มีความเห็นแตกต่างกัน ดังนั้น ถ้ายังยืนยันอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ รัฐธรรมนูญก็จะเหมือนที่พรรคก้าวไกลหรือพรรคฝ่ายค้านเคยเสนอแล้วถูกทำลายลงไป เพราะเราได้บอกแล้วว่าเราอยากแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และให้มีความเห็นพ้องต้องกัน โดยให้ผ่านให้ได้

“ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประชาธิปไตย ไม่ใช่อยากเห็นแบบสุดขั้วแล้วไม่คำนึงถึงความเห็นที่แตกต่าง เพราะการจะแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จได้จริง ต้องดูว่าสังคมส่วนใหญ่ยังมีประเด็นไหนที่ยังถกไม่ตก และอะไรที่เป็นสิทธิ์ร่วมกันก็ควรจะทำ ผมเคารพความเห็นที่แตกต่างกัน แต่เป็นเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องตามใจกัน โดยเราก็แสดงจุดยืนของเรา ท่านก็แสดงจุดยืนของท่าน แต่จะทำอย่างไรให้สังคมส่วนใหญ่ทุกวิชาชีพเขาเข้าใจ ดังนั้นขอร้องอยากให้สร้างสรรค์ ช่วยกัน และอย่าอคติต่อกัน เราจะสามารถทำประเทศนี้ต่อไปได้ในทิศทางที่ดี” นายภูมิธรรม กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ภูมิธรรม’ ชี้ 3 เดือนน้อยไป ประเมินปชช.ไม่เชื่อมั่นผลงานรัฐบาล ลั่นรอดูปีหน้ามาแน่

ปีหน้า ขอให้ประชาชนรอดูผลงาน ซึ่งจะมีผลงานดีๆออกมาอีกมาก เชื่อว่า ปีหน้าจะเป็นปีในการเริ่มต้นสร้างโอกาสตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายเอาไว้

'บิ๊กอ้วน' ชี้ 'สนธิ' แค่หนึ่งเสียงการบริหารประเทศไม่ควรโฟกัสแค่คนคนเดียว!

'ภูมิธรรม' ยังไม่เห็นข้อเรียกร้อง 'สนธิ' บอกเป็นแค่ความเห็นหนึ่งต้องรับฟังทุกฝ่าย เปรียบเหมือนมองปี๊บหนึ่งใบ ต้องมองให้รอบด้าน ไม่หมิ่นประมาทม็อบจุดติดหรือไม่

ภูมิธรรมล้อฟรี! บอกหัวเขียงถอน กม.ยึดอำนาจกองทัพไม่เกี่ยวกับเพื่อไทย

'ภูมิธรรม' ชี้ 'ประยุทธ์' ถอนร่าง กม.จัดระเบียบสภากลาโหมปรับแก้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวยอม 'ภูมิใจไทย' เพราะไม่ใช่ร่างของพรรค บอกขอรอข้อสังเกตจากทุกฝ่ายก่อน ยันไม่เป็นประเด็นขัดแย้งพรรคร่วม