
17 ต.ค.2566-ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นในกรณีนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ระบุถึงการที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น การที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นซักฟอกใคร ควรจะยื่นซักฟอกตัวเองให้ขาวสะอาดเสียก่อน
โดยนางสาวภคมน กล่าวว่า เข้าใจที่นายอดิศรทำแบบนี้ ในฐานะวิปรัฐบาลก็ต้องปกป้องรัฐบาล เพราะเป็นหน้าที่ แต่น่าจะปกป้องในเนื้อหาสาระของเรื่องที่เรากำลังพูดถึง การซักฟอกรัฐบาลเป็นหน้าที่ฝ่ายค้านอยู่แล้ว และการยื่นอภิปรายมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ไม่เร็วเกินไป ดูไทม์ไลน์ที่ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในกรอบระยะเวลาเดียวกัน
ส่วนที่พูดถึงความผิดพลาดของพรรคก้าวไกล เรื่องนี้เราน้อมรับในความล่าช้าของกระบวนการ ดิฉันในฐานะ สส.หญิง ก็รู้สึกเป็นภาระรับผิดชอบด้วย ยอมรับว่าอึดอัด แต่เราไม่ได้อยู่เฉย แถลงต่อสาธารณะแล้วว่า ต้องมีการแก้ไข ตอนนี้กระบวนการสอบยังไม่จบ เมื่อจบจะมีคำตัดสินทางวินัยออกมาชี้แจงประชาชนภายในเดือนต.ค. ยืนยันทุกอย่างเดินไปตามนี้
ดังนั้น ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์กว่ามาก ถ้านายอดิศรจะชี้แจง หรือตอบโต้ประเด็นอะไร โดยพูดถึงประเด็นนั้นเป็นหลัก เข้าประเด็นเลย ไม่ใช่อะไรๆ ก็ลงแต่เรื่องนี้ หากยังทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ท่านวนเราวน จะไม่ได้พูดหรือทำอย่างอื่นกันเลย ประชาชนจะเกิดความเบื่อหน่าย
นางสาวภคมน กล่าวต่อว่า สุดท้ายขอขอบคุณนายอดิศรที่คอยเป็นห่วงเป็นใยพรรคก้าวไกล เพราะเห็นพูดถึงตลอด ช่วงนี้ทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาล ก็อาจจะงานหนัก อยากให้ช่วยกันทำงานเพื่อบรรยากาศที่ดีต่อกัน ส่วนเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เราก็น้อมรับผิด และลงโทษแก้ไขกันได้ เหมือนที่ก่อนหน้านี้นายอดิศรเคยน้อมรับความผิดที่บกพร่องในฐานะผู้ปกครอง ถือเป็นเรื่องดีและน่าชื่นชม เชื่อว่านายอดิศรคงไม่ชอบใจเช่นกัน ถ้าใครจะพูดถึงความผิดพลาดซ้ำๆ วนกันอยู่อย่างนี้ ทั้งที่เราน้อมรับ และสัญญาจะแก้ไขแล้ว
“ยุคสมัยเปลี่ยน งานการเมืองต้องเดินหน้าทำงานให้ได้เนื้อหาสาระ และประโยชน์ของประชาชน สุดท้ายด้วยความเคารพ ท่านอย่าหาว่าดิฉันตอบโต้โดยไม่สนรุ่นใหญ่รุ่นเล็กเลย อย่าให้เรื่องความอาวุโส เกิดก่อนเกิดหลังมาเป็นเงื่อนไข ใช้เป็นประโยชน์ในการให้ข่าวเพื่อประโยชน์ฝ่ายเดียว” นางสาวภคมนระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ชัยวุฒิ' ซัดฝ่ายอยากแก้รัฐธรรมนูญ ทำการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะชะงักงัน
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหน้าพรรครักชาติ กล่าวภายหลังที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาว่า ผลกระทบจากเกมการเมืองของฝ่ายที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่ได้แก้ในสิ่งที่ต้องการจนนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าผลลัพธ์คือการที่นายกรัฐมนตรียื่นยุบสภาฯ
สะพัด ‘อนุทิน’ ชิงทูลเกล้าฯยุบสภา ตัดหน้า ‘ปชน.’ ยื่นซักฟอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชนที่เรียก สส. ให้ร่วมลงชื่อในญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งสืบ
ปชน. ยื่นซักฟอก หลังแพ้โหวตคงอำนาจ สว. 1 ใน 3 แก้ รธน.
บรรยากาศจากอาคารรัฐสภา ว่า ภายหลังจากการโหวต มาตรา 256/28 ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่เห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก ในการใช้เสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา เห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 คือดักทาง ยุบสภาปี 68 เป็นศูนย์
นักกฎหมายมหาชนชี้ แก้รัฐธรรมนูญแม้ผ่านวาระ 2 ไม่ยาก แต่ต้องแช่แข็งร่าง 15 วันก่อนขึ้นวาระ 3 ทำเกมยุบสภาไร้ทางเกิดขึ้นภายในปีนี้ ขณะตัวแปรชี้ชะตาอยู่ที่เสียง สว. สีน้ำเงิน ในขั้นสุดท้ายก่อนประชามติ
เอาแล้ว ‘อนุสรณ์’ ดักคอ ‘อนุทิน’ อย่าชิงยุบสภาหนีซักฟอก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ออกมาระบุรัฐบาลเสียงข้างน้อย เตรียมความพร้อมที่จะยุบสภาทุกเมื่อ
'เทพไท' ชี้เป้าให้ พท. ซักฟอกอนุทิน 4 เรื่องใหญ่
นายเทพไท เสนพงศ์ นักวิจารณ์การเมือง และอดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” เรื่อง ชี้เป้า ซักฟอก อนุทิน ผมเห็นข่าวที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

