'สุพิศาล' แนะ 'เศรษฐา' เลือก ผบ.ตร.จากอาวุโสเป็นหลักสยบคลื่นใต้น้ำ!

'สุพิศาล' มองควรให้แคนดิเดตอาวุโส นั่ง ผบ.ตร.คนใหม่ลดคลื่นใต้น้ำ รอข้อครหา 'บิ๊กโจ๊ก' กระจ่าง ชี้หากเลือกไม่ได้ควรเลื่อนไปก่อน

27 ก.ย.2566 - ที่รัฐสภา พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม ให้สัมภาษณ์ถึงมุมมองในการเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) วันนี้ ว่าเหตุการณ์เริ่มตั้งแต่ที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายในเรื่องของตั๋วช้าง ซึ่งก็มีการไล่ลำดับกันมาในการขึ้นสู่ตำแหน่งโดยในสมัยที่แล้วที่ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกออกมาใช้บังคับ สิ่งสำคัญในนั้นคือ มาตรา 77 ว่าด้วยเรื่องของอำนาจนายกรัฐมนตรี หรือนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธาน ก.ตร. ที่จะต้องเลือกสรรรอง ผบ.ตร.ที่มีความอาวุโส มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถที่มากกว่า ในเฉพาะเรื่องของการสืบสวนสอบสวน หรือปราบปราม โดยมาตรานี้ เป็นมาตราที่บังคับให้นายกฯ ใช้ดุลพินิจ ในฐานะที่เป็นผู้นำองค์กร แต่ก็ยังมีบทที่จะบังคับใช้กับผู้ที่ไม่ได้รับการคัดสรร ตามมาตรา 78 และมาตรา 87 ถือเป็นอำนาจที่ได้จากสภาซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่มอบให้คณะกรรมการ ทั้งนี้ แม้ว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ไม่เป็น พ.ร.บ.ปฏิรูปตามที่หลายคนคิดหรือคาดการณ์ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ดี สามารถลดทอนอำนาจทางการเมืองได้ ทั้งนี้ ยังมีในส่วนอำนาจการเมืองที่นายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีหลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้น เช่น การโอนย้ายถ่ายอำนาจของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือบิ๊กโจ๊ก ซึ่งเป็นแคนดิเดตคนหนึ่ง ในกรณีการดำเนินคดีของกำนันนก หรือกรณีการเข้าตรวจค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เอง เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ในการที่ลูกน้องไปเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินของเว็บพนัน ซึ่งเป็นจังหวะประจวบเหมาะ ไม่เกินจากที่คาดเดา เพราะแคนดิเดตที่จะขึ้นไปสู่ตำแหน่งนั้น เป็นแคนดิเดตที่หลายคนเฝ้ามองอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนสุดท้ายที่จะขึ้นสู่ตำแหน่ง ซึ่งได้ปรากฏตามสื่อว่าเป็นคนที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เสนอ แต่คงเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะต้องรับเอกสารของการแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ หรือบิ๊กเด่น สั่งให้ทั้ง 4 คนที่เป็นแคนดิเดต เสนอทั้งวิสัยทัศน์ ประวัติของตนเอง รวมถึงความรู้ ความสามารถ ตลอดจนสิ่งที่จะทำเมื่อได้ดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร.แล้ว เพื่อให้นายกฯ พิจารณา โดยในช่วงบ่ายของวันนี้นายกฯ คงนำที่ประชุมเข้าสู่วาระการแต่งตั้ง เพราะเป็นเผือกร้อน ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้โยนมาหลังจาก ก.ตร.ทั้ง 2 คน ได้ทักท้วงในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบ ซึ่งได้มีการโต้เถียงกันในที่ประชุม จนต้องเลื่อนการประชุม

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวอีกว่า เร็วที่สุดคือเลื่อนไป แต่หากพิจารณาคงต้องชี้แจงเหตุผลของตัวบุคคล 1 ใน 4 ที่นำมาวาง ว่านายกฯ เลือกเพราะอะไร มีเหตุผลอย่างไร แต่ถ้านิ่งที่สุด คือเลือกจากคุณสมบัติเฉพาะที่มีอยู่ หรือคือหมายเลข 1 ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน และจะไม่มีคลื่นใต้น้ำ อีกทั้ง ยังเป็นที่ยอมรับในสังคมตำรวจด้วย เนื่องจาก พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับนี้ มุ่งเน้นให้ผบ.ตร.เป็นผู้อาวุโส และมีความรู้ ความสามารถ ตามมาตรา 77 อย่างครบถ้วน แต่ถามว่าบุคคลอื่นมีครบถ้วนหรือไม่ ก็มีเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่ในวาระที่ทำด้วยกัน ก็อยู่ที่ว่านายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเหตุผลดังกล่าวกับที่ประชุมอย่างไร ทั้งนี้ ที่ประชุมแห่งนี้เป็นครั้งแรกที่มาจากการเลือกจากข้าราชการตำรวจทั้งประเทศใน 6 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นอดีตตำรวจและข้าราชการภายนอก จะเห็นว่า 6 ตำแหน่งนี้ เป็นตัวชี้ เนื่องจากในส่วนของกรรมการที่เป็นโดยตำแหน่งเกี่ยวข้อง 4 คนนั้นคงต้องออกไป เหลือเพียง 2 คน คือจเรตำรวจ และ ผบ.ตร. อีกคนที่เกษียณ กำกับข้าราชการประจำสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) 2 ตำแหน่ง ที่จะเป็นคนพิจารณาคัดเลือกจากการนำเสนอของ ผบ.ตร. ทั้งนี้ หากนำเสนอบุคคลที่มีเหตุผลน้อยที่สุด ก็ต้องแสดงว่าจะเอาไปทำอะไร อาจจะคะแนนสูสี นายกรัฐมนตรีอาจจะต้องฟันธง หากเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนก็คิดว่าไม่ต้องฟันธง ออกมาแบเบอ

เมื่อถามว่า การประชุมในวันนี้ควรจะเลื่อนไปก่อนเพื่อคลายปัญหาหรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า หลังจากเมื่อวานนี้ ที่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยนายกฯ แล้วนั้น คงจะมีผลกระทบต่อที่ประชุม ซึ่งอาจจะเป็นเงื่อนไขในการพูดในที่ประชุมว่า หนึ่งในแคนดิเดตต้องมีการพิจารณาในเรื่องของคุณสมบัติและข้อครหาต่างๆ ดีที่สุดคือชักออกจากบัญชี และพิจารณาแค่ 3 คน แต่ถ้าไม่ชักออกแล้วต้องการดันต่อ ก็เลื่อนการพิจารณาออกไป แต่ก็มีความจำเป็นต้องเอาเบอร์ 1 มารักษาการ แต่ถ้านายกฯ ใช้อำนาจเลือกเบอร์ 4 มารักษาการ ก็จะมีรักษาการยาวเหยียดไม่ผ่านการประชุมของก.ตร.

“มีกระแสคลื่นใต้น้ำแน่นอน เพราะมีการเขียนคำร้อง เนื่องจากเบอร์ 1 มีสิทธิฟ้องร้องคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียน ซึ่งใช้เวลา 30 วัน คงรู้ผลแพ้ชนะ” พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีคลื่นใต้น้ำเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะได้ ผบ.ตร.ส้มหล่น พล.ต.ต.สุพิศาล หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่ตามสิทธิก็ถือว่าไม่ได้ส้มหล่น

ถามอีกว่า การที่นายกฯ เป็นพลเรือนจะทำให้ตัดสินใจยากขึ้นหรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า เป็นพลเรือนก็ง่ายขึ้น มีความสะดวก ถ้าการพิจารณาไม่ไปตามอาณัติใคร

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีโอกาสที่จะได้เป็น ผบ.ตร.ในอนาคตหรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ถ้ายังอยู่ก็ต้องได้เป็น ครั้งหน้าถ้าตั้งใจทำงาน ไม่มีข้อครหา เขาก็ต้องได้ แต่แน่นอนว่าต้องมีกระบวนการเตะตัดขาอยู่แล้ว เพราะเป็นพวกเหาะเหินเดินอากาศได้

ถามว่า มองว่าสุดท้ายการประชุมในวันนี้จะเป็นอย่างไร พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า อ่านเกมว่าดีที่สุดคือเบอร์ 1 ได้ ยึดตามกฎหมาย ระบบอาวุโส ความรู้ ความสามารถ ผ่านงานสืบสวนสอบสวน เบอร์ 1 จึงน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะอาวุโสกว่าคนอื่นๆ คลื่นใต้น้ำน้อยสุดหรือแทบจะไม่มีเลย เพราะอยู่อีกแค่ปีเดียว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ฟิล์ม-เจ๊พัช' ระทึก! 'ผบ.ตร.' ชี้ผิดจริง หมดสิทธิ์ลอยกระทง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ฟิล์ม-นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์